เบื้องหลัง บึ้มกองสลาก (อาจ)ไม่ใช่พวกอัปรีย์มือสั่น คนสี่แยกคอกวัวเชื่อ ขุมข่ายสลากพันล้าน?
|
เสียงระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2554 ถูกปักธงว่าเป็นฝีมือของขบวนการยั่วยุทางการเมืองหวังล้มรัฐบาลเพื่อไทย
ระเบิดแสวงเครื่องถูกซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าลึกลับสีดำ ถูกเปิดให้เห็นนาฬิกาที่ตั้งเวลาทำลายล้างไว้ที่ 16.30 น. แม้อานุภาพของมันจะไม่รุนแรงถึงขนาดทำให้สำนักงานสลากราบพนาสูร แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนถึงความขัดแย้งบางอย่างในพื้นที่ขมุกขมัวสีเทาๆ
สิ้นเสียงระเบิด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ฟันธงว่า เป็นฝีมือของพวกมือสั่น พวกช่างพูด ไม่ต้องบอกว่าใคร ?
"ไอ้กลุ่มพวกนี้เมื่อก่อนก็ชอบไปยุ่งกับคณะปฏิวัติ แต่หลังการปฏิวัติแล้วได้เข้าไปทำงานในรัฐสภา ไอ้พวกแก๊งอัปรีย์ก็กลับมาด่าคณะปฏิวัติ โดยการกระทำแบบนี้ เป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงธุรกิจท่องเที่ยว" นี่คือ ความเชื่อของรองนายกฯเฉลิม
คนในวงการเมืองอาจคิดไปทางหนึ่ง แต่คนในสำนักงานสลากและบรรดายี่ปั๊วซาปั๊วที่ "สี่แยกคอกวัว" กลับคิดอีกอย่างหนึ่ง
ทฤษฎีของพ่อค้าลอตเตอรี่ ปรากฏภาพ "ค้างคาใจ" กรณีที่กองสลากใช้อำนาจยกเลิกโควตาขององค์การทหารผ่านศึกและสมาคมทหารผ่านศึกพิการ เบ็ดเสร็จกว่า 2.6 ล้านใบ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
นั่นหมายถึงการทุบหม้อข้าว รายได้ขององค์กรและทหารผ่านศึกจำนวนมากที่เคยรับ ต้องหายไปทันทีอย่างน้อยเดือนละ 18 ล้านบาท เป็นเงินที่คนกลุ่มนี้ใช้เลี้ยงปากท้องมาตลอดหลายปี
ต้องยอมรับว่า โควตาเหล่านี้ส่วนหนึ่งถูกขายไปอยู่ในมือของ "พ่อค้า" สายรัฐบาลชุดที่แล้ว กระทั่งเมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้ามาก็ย่อมอยากกวาดกลับมาไว้ในมือ
ปฏิบัติการของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่แค่ยึดโควตา แต่คือการยึดคืนอำนาจในกองสลาก เริ่มจากการลาออกของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลคนเก่าคือ วันชัย สุระกุล
พร้อมแต่งตั้ง สมชาติ วงศ์วัฒนศานต์ รองผู้อำนวยการที่เคยรับผิดชอบดูแลงานสลากออนไลน์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2554
แน่นอน คนในรัฐบาลรู้ดีว่า กองสลากก็คือขุมทรัพย์ทางการเมืองที่ถูกกฎหมาย
รัฐบาลจึงเดินหน้าใช้มติคณะกรรมการ(บอร์ด)สลากกินแบ่งรัฐบาล ที่กุมบังเหียนโดยกระทรวงการคลัง ยึดคืนโควตาลอตเตอรี่ ที่ออกสมัย ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง ในยุคประชาธิปัตย์ จำนวน 4 ล้านใบทันที
โควตาลอตใหญ่นี้ไม่ได้มีแค่เพียงองค์การทหารผ่านศึกและสมาคมทหารผ่านศึกพิการเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงมูลนิธิเพื่อสังคมและโรงพยาบาลรัฐหลายแห่ง ก็ถูกกระทบจากเงื้อมมือรัฐบาลชุดใหม่นี้
นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
หลังยึดโควตาคืนมา 4 ล้านใบ รัฐบาลได้รวบการจัดสรรใหม่ไปไว้ที่ "มูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล" ที่มี นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในยุคไทยรักไทย เป็นประธาน
นายชัยวัฒน์ เคยถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุกแต่รอลงอาญา 2 ปี ในข้อหาดำเนินการออกหวยบนดินเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัวโดยมิชอบ
มูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ถูกมองมาตลอดว่าเป็น "แหล่งพักโควตา" ก่อนจะถูกขายออกไปให้กับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว พรรคพวกของนักการเมือง
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า กองสลากได้ยึดคืนโควตาที่เคยให้องค์กรการกุศลรวมในลอตนี้ทั้งหมด 4 ล้านใบ เป็นการยึดชั่วคราวเพื่อให้มูลนิธิสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดสรรแทนเพียง 6 งวด คือจากเดือนพ.ย.ถึงเดือนธ.ค.เท่านั้น หลังจากนี้กองสลากจะมีการจัดสรรโควตากันใหม่
ทั้งนี้ โควตา 4 ล้านใบดังกล่าวเป็นขององค์การทหารผ่านศึก 1.5 ล้านใบและสมาคมทหารผ่านศึกพิการ 1.1 ล้านใบ ที่เหลือกระจายไปให้กับ มูลนิธิเวชศาสตร์เขตร้อน ของมหาวิทยาลัยมหิดล , มูลนิธิโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ , มูลนิธิของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ฯลฯ
"เหตุผลที่กองสลากขอคืนโควตาจากองค์การทหารผ่านศึกและสมาคมทหารผ่านศึกพิการ เนื่องจากมีการทำผิดเงื่อนไขในสัญญาที่ให้องค์กรการกุศลรับช่วงจำหน่ายสลากเอง แต่กลับนำไปขายต่อให้กับพ่อค้า ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว" นายชัยวัฒน์ระบุ
สำหรับเงื่อนไขในการจัดสรรโควตาลอตนี้ใหม่ยังไม่มีใครทราบ ว่าจะคืนให้กับมูลนิธิเดิมหรือปรับรูปแบบให้นิติบุคคล แต่ที่แน่ๆคือต้องมีการแย่งชิงกันอุตลุต เพราะโควตาชุดนี้เป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลปกติซึ่งมีภาษีดีกว่าสลากการกุศลพิเศษ
เสียงสะท้อนที่ออกมาจากพ่อค้าแม่ค้าที่สี่แยกคอกวัวก็คือ ราคาของโควตาลอตนี้ได้ถูก "ปั่น" ไปถึง 83 บาทต่อคู่ (2ใบเล็ก) เขยิบจากต้นทุนที่ออกจากกองสลากแค่ 72.80 บาท หรือถีบตัวขึ้นไปแล้ว 10.20 บาท
นั่นหมายความว่า ถ้ามีการขยำโควตากันใหม่จำนวน 4 ล้านใบ ภายใต้สัญญา 2 ปี เท่ากับว่าผลประโยชน์ที่ "อำนาจใหม่" จะรับไปเนื้อๆจากการ "เทคอม" หรือจ่ายส่วนต่างล่วงหน้า 48 งวด คิดเป็นเงินอย่างน้อย 979.20 ล้านบาท
แม้บรรดายี่ปั๊วรายใหญ่ไม่อยากเสียค่าแปะเจี๊ยะแพงถึง 83 บาท แต่ถ้าเล่นตัวไม่เอา ก็มีคู่แข่งที่พร้อมจะเสียบรับโควตาตลอดเวลา สุดท้ายอาจทำให้ยี่ปั๊วรายนั้นต้องซื้อของแพงกว่าเดิมก็เป็นได้
แม่ค้ารายใหญ่ที่สี่แยกคอกวัว กล่าวว่า มีผู้ค้าหลายรายถูกเรียกไปต่อรองราคา ซึ่งฝ่ายการเมืองต้องการให้มีการจ่ายล่วงหน้าและทำสัญญาไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น เพราะเมื่อครบกำหนดจะได้มีการตกลงจ่ายเงินรอบใหม่
ขณะที่ นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า การจัดสรรโควตาของมูลนิธิสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ได้มีการขายในราคา 83 บาท เพราะปกติแล้วมูลนิธิจะได้รับส่วนแบ่ง 2 %
ขณะที่ตัวแทนรายย่อยที่มารับจากมูลนิธินำไปขายต่อจะได้รับส่วนลด 7 %
"ตอนนี้เรานำโควตาที่ยึดมาชั่วคราว 4 ล้านใบ หรือ 4 หมื่นเล่ม จัดสรรให้กับลูกข่ายของเรา 7-8 ราย ที่เคยรับส่งสลากหวยบนดิน เพราะหลังจากหวยบนดินถูกยกเลิกไป คนกลุ่มนี้ก็ไม่มีอาชีพอะไร ทั้งที่เมื่อก่อนเขาส่งเงินให้กองสลากตามเวลาที่กำหนดตลอด" นายชัยวัฒน์ระบุ
อดีตผู้อำนวยการกองสลาก กล่าวว่า ที่ผ่านมามูลนิธิสำนักงานสลากฯจัดสรรโควตาที่ได้รับมาให้กับผู้ค้าทั้งหมดแค่ 151 ราย ส่วนที่มูลนิธิจัดจำหน่ายเองมีเพียง 84 เล่ม สาเหตุที่ลูกข่ายเรามีน้อยเพราะต้องการให้บริหารจัดการง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือนกระจายให้กับรายย่อย
"ถามว่ามูลนิธิได้บริหารจัดการเองหรือเปล่า การเมืองเขาก็คงมีคนของเขาเข้ามาไว้อยู่ ก็เป็นอย่างนี้เรื่อยมา เราก็เหมือนหนังหน้าไฟ สุดท้ายก็ถูกคนภายนอกโจมตีอย่างหนักจนภาพพจน์มูลนิธิเสียหาย" นายชัยวัฒน์กล่าว
สำหรับสาเหตุของการระเบิดหน้ากองสลากเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมนั้น นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด ระหว่างความขัดแย้งทางการเมืองหรือการเสียผลประโยชน์ของคนมีสีในกองสลาก และไม่ปักใจเชื่อว่าจะเกิดจากการยึดโควตาองค์การทหารผ่านศึก เพราะการจัดสรรยังไม่จบ องค์การทหารผ่านศึกอาจได้โควตาคืนในงวดเดือนมกราคม 2555 ก็เป็นได้
"ที่ผ่านมาโควตาของกลุ่มองค์กรการกุศล สมาคมต่างๆ 4 ล้านใบ ครบกำหนดในงวด 1 พฤศจิกายน 2554 แต่กลับมีการเจรจาขายโควตาลอตใหม่ให้พ่อค้าตั้งแต่เดอนมิถุนายน -กรกฏาคม เพราะคิดว่าตัวเองจะได้รับการต่อสัญญา มีการเก็บเงินพ่อค้ามาล่วงหน้า พอโควตาถูกริบคืนก็เลยมีปัญหาว่าจะทำอย่างไรกับเงินที่รับมาแล้ว" นายชัยวัฒน์ระบุ
ไม่เพียงแต่โควตาสลากลอตนี้เท่านั้นที่จะจัดสรรใหม่ แต่มีแนวโน้มที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จะเคาะ "โควตาสลากการกุศลพิเศษ" บิ๊กลอตออกมาอีก 4 ล้านใบ ในเดือนมกราคม 2555
สลากการกุศลลอตนี้เป็นที่หมายตา เพราะทุกคนอยากมี "ของตัวเอง" ในมือ อีกทั้งราคาลอตเตอรี่ที่ขายในท้องตลาดจะแพงขึ้นอีกในช่วงเทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์
แน่นอนว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในสี่แยกคอกวัวต้องวิ่งเช็คข่าวด้วยความเร้าใจ เพราะหมายถึงศึกแย่งชิงโควตาออกใหม่กันเบ็ดเสร็จ 8 ล้านใบ ไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์ที่ต้องจ่ายล่วงหน้าเฉียดๆ 2,000 ล้านบาท เงินส่วนนี้พร้อมควักออกมาทันทีที่ได้รับสัญญา
นายชัยวัฒน์ ยอมรับว่า กองสลากจะมีการออกสลากการกุศลพิเศษในเดือนมกราคม 2555 จริง แต่ยังไม่ทราบว่าจะออกเพื่อหารายได้ให้กับมูลนิธิหรือโรงพยาบาลใด เพราะขณะนี้มีมูลนิธิที่รอรับเงินรายได้จากการออกสลากอยู่ถึง 2 หมื่นล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มการออก "สลากออนไลน์" ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายเปิดช่องให้ดำเนินการได้นั้น คงเป็นเรื่องยาก เพราะติดเงื่อนไขเรื่องส่วนแบ่งเงินรางวัล ที่ไม่ดึงดูดใจผู้ซื้อ อาจทำให้หวยออนไลน์ใหม่ซบเซา จึงไม่แปลกใจที่ตลาดหันกลับมาเล่นลอตเตอรี่กันอีกรอบ
ขุมข่ายผลประโยชน์จากลอตเตอรี่ กลายเป็นที่มาของการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันหลายรูปแบบ เพราะตลาดนี้เล่นกันด้วย "เงินสด" และคนที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็มีแบ็คอัพทางการเงินไม่ธรรมดา
เมื่อได้แบ็คอัพทางการเมืองที่ดี จึงมีคนพร้อมจ่ายแบบหมูไม่กลัวน้ำร้อน ส่วนคนที่เสียประโยชน์ก็รอทิ้งบอมบ์เพื่อแก้แค้นเป็นธรรมดา
......................
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
คอนเน็คชั่นไม่ธรรมดา "ธรรมนัส ร้อนแรง -เจ๊แดง โรยรา "
ความโรยราของกลุ่มที่ถูกเรียกขานว่าเป็น "5 เสือกองสลาก"กำลังถูกทดแทนด้วยคลื่นลูกใหม่ในวงการลอตเตอรี่ ไม่ใช่แค่ยี่ปั๊วระดับกลางอย่างเจ๊ตุ่่ม เจ๊กล้วย ที่กำลังขึ้นมาทาบรัศมี 2 พญาเสือ หนึ่งคือ "เจ๊แดง"ปลื้มจิตต์ กนิษฐ์สุต เจ้าของบริษัทสลากมหาลาภ , บริษัทปลื้มวัธนา และบริษัทไดมอนด์ ล็อตโต้
และสองคือ "เจ๊สะเรียง"สะเรียง อัศววุฒิพงศ์ เจ้าของ บริษัท หยาดน้ำเพชร และบริษัทบีบี เมอร์ชานท์ เท่านั้น แต่ปัจจุบันยังมีการก้าวเข้ามาของยี่ปั๊วรุ่นใหม่ที่มี "หน้าตัก"แข็งแรงจำนวนมาก ทั้งในรูปของรายย่อยและนิติบุคคล
ที่กระฉ่อนวงการสลากที่สุดขณะนี้ คือกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เจ้าของบริษัทธรรมนัสการ์ด และลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล ที่เคยมีปัญหากับผู้ค้าในตลาดคลองเตย ได้รุกคืบธุรกิจลอตเตอรี่แบบเต็มตัว
ด้วยสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ เจ๊แดง ปลื้มจิตต์ จนนำไปสู่การเข้ามาเป็นกรรมการและถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเจ๊แดง ที่ให้ลูกสาวบุญธรรม คือ ขวัญฤดี กนิษฐ์สุต เป็นผู้ดูแล
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ก่อตั้งเมื่อเดือน พฤษภาคม 2550 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เดิมออฟฟิศจดทะเบียนไว้ที่ เลขที่ 110/2 ถนนวุฒากาศ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี ซึ่งเป็นที่อยู่ของบริษัทในกลุ่มเจ๊แดงเกือบทั้งหมด
ในช่วงที่ วันชัย สุระกุล เป็นผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หจก.ขวัญฤดี ได้รับโควตาสลากการกุศลงวดละ 2 หมื่นเล่ม หรือ 2 ล้านใบ ตั้งแต่งวดวันที่ 1 กันยายน 2553 จนถึงงวดวันที่ 16 มกราคม 2555 รวม 34 งวด
โควตานิติบุคคลที่ได้รับอนุมัติครั้งนั้น ยังรวมถึงบริษัท สลากมหาลาภ ของเจ๊แดงเอง และ บริษัท หยาดน้ำเพชร ของเจ๊สะเรียง รายละ 2 หมื่นเล่มเช่นเดียวกัน
ถือเป็นการกลับมาของกลุ่มห้าเสือแบบที่ฮือฮา แต่โฉ่งฉ่างสำหรับคนในวงการ
เพราะที่ผ่านมากลุ่มห้าเสือ "ซุ่มเงียบ"กวาดโควตาลอตเตอรี่จากบรรดามูลนิธิ องค์กรสาธารณกุศลต่างๆมาตลอดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยการจ่ายผลประโยชน์แบบที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
รวมไปถึงโควตาส่วนใหญ่ของ "องค์การทหารผ่านศึก"และ "สมาคมทหารผ่านศึกพิการ"ที่เพิ่งถูกกองสลากยึดคืนไป ก็เป็นของกลุ่มห้าเสือเช่นเดียวกัน
การผูกสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเจ๊แดงและความแนบแน่นกับ ขวัญฤดี บุตรสาวบุญธรรมของเจ๊แดง นำไปสู่การเข้ามาเทคโอเวอร์โควตาและเข้ามาเป็นกรรมการของหจก.ขวัญฤดีแบบเต็มตัวของร.อ.ธรรมนัส
ล่าสุด หจก.ขวัญฤดี มีการเพิ่มทุนจด เป็น 2 ล้านบาท และย้ายสถานที่ทำการไป เลขที่ 888 ถนนอโศก-ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับ บริษัท ธรรมนัสการ์ดนั่นเอง
ร.อ.ธรรมนัส ยังมีคอนเนคชั่นที่ดีกับ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ "เสธ.ไอซ์"เพื่อนร่วมรุ่นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตอนนี้ใครๆก็รู้ว่าเสธ.ไอซ์ขึ้นหม้อในรัฐบาลเพื่อไทยแค่ไหน
ขณะที่กลุ่มของเจ๊แดง และขวัญฤดี ก็มีคอนเน็คชั่นที่ดีกับกลุ่มประชาธิปัตย์ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ รายชื่อผู้ถือหุ้น ในบริษัทแอดวานซ์ เทคโนโลยี ซีสเต็มส์ ซึ่งเป็นธุรกิจรับจองตั๋วโดยสาร ให้บริการผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ที่มี ปลื้มจิตต์ เป็นกรรมการ และ มี ขวัญฤดี ถือ 20 หุ้น พร้อมด้วยชื่อของ วิฑูร กรุณา ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนนทบุรี ถืออีก 3 หุ้น
ขณะที่บางบริษัทของเจ๊แดง เช่น บริษัทวัธนารมย์ ซึ่งจดทะเบียนเพื่อเช่าอาคารจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ถนนราชดำเนิน ก็มีชื่อ วิฑูร กรุณา ร่วมเป็นกรรมการ และถือหุ้น
ความโรยราทางสุขภาพของเจ๊แดง คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของวงการค้าสลาก ขณะที่ เจ๊สะเรียง แม้จะอายุมาก แต่ยังไม่วางมือจากธุรกิจ สตรีทั้งสองคือคู่แข่งขันแต่ก็ไม่ฆ่ากันในเชิงธุรกิจ
ห้าเสือกองสลากขณะนี้จึงมีแนวร่วมใหม่อย่าง ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บ ซึ่งแน่นอนว่าเขามีชื่อเป็นหนึ่งในผู้มีโอกาสได้รับการจัดสรรโควตาสลากใหม่ในเดือนมกราคม 2555
แบ็คอัพของร.อ.ธรรมนัสคือคนมีสีที่ใหญ่เบิ้มในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขณะที่ทุนการเงินที่หนุนหลังร.อ.ธรรมนัส ก็ไม่ใช่ทุนธรรมดาและตัวเขาเองก็มีการสะสมทุนได้มากในช่วงที่ผ่านมา
วงการสลากจึงเป็นอาณาจักรใหม่ทางธุรกิจของร.อ.ธรรมนัส ที่เพิ่งก้าวเข้ามาเล่นตลาดนี้ได้ไม่นาน แต่มาแรงและเร็ว จนคนในสี่แยกคอกวัวบอกว่า "กลัว"
ธุรกิจค้าลอตเตอรี่จึงยังคงคึกคักด้วยยี่ปั๊ว ซาปั๊ว รุ่นกลางและรุ่นใหม่ แต่ฝีไม้ลายเท้าจะมาทดแทนคนรุ่นเดิมได้หรือไม่ยังคงต้องติดตามดูกัน
( เรื่อง : ปั่นตลาดลอตเตอรี่ 8 ล้านใบ ขุมข่ายผลประโยชน์ 2 พันล้าน "ร.อ.ธรรมนัส" ผงาดห้าเสือกองสลาก จาก ThaiPublica ) http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323608511&grpid=01&catid=&subcatid= |