วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เบื้องหลัง บึ้มกองสลาก (อาจ)ไม่ใช่พวกอัปรีย์มือสั่น คนสี่แยกคอกวัวเชื่อ ขุมข่ายสลากพันล้าน?

เบื้องหลัง บึ้มกองสลาก (อาจ)ไม่ใช่พวกอัปรีย์มือสั่น คนสี่แยกคอกวัวเชื่อ ขุมข่ายสลากพันล้าน?

วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 22:55:33 น.

Share














 

 

 

เสียงระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2554 ถูกปักธงว่าเป็นฝีมือของขบวนการยั่วยุทางการเมืองหวังล้มรัฐบาลเพื่อไทย

 

 

ระเบิดแสวงเครื่องถูกซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าลึกลับสีดำ ถูกเปิดให้เห็นนาฬิกาที่ตั้งเวลาทำลายล้างไว้ที่ 16.30 น. แม้อานุภาพของมันจะไม่รุนแรงถึงขนาดทำให้สำนักงานสลากราบพนาสูร แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนถึงความขัดแย้งบางอย่างในพื้นที่ขมุกขมัวสีเทาๆ

 

 

 

สิ้นเสียงระเบิด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี  ฟันธงว่า เป็นฝีมือของพวกมือสั่น พวกช่างพูด ไม่ต้องบอกว่าใคร ? 

 

 

"ไอ้กลุ่มพวกนี้เมื่อก่อนก็ชอบไปยุ่งกับคณะปฏิวัติ แต่หลังการปฏิวัติแล้วได้เข้าไปทำงานในรัฐสภา ไอ้พวกแก๊งอัปรีย์ก็กลับมาด่าคณะปฏิวัติ โดยการกระทำแบบนี้ เป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงธุรกิจท่องเที่ยว" นี่คือ ความเชื่อของรองนายกฯเฉลิม

 

 

 

คนในวงการเมืองอาจคิดไปทางหนึ่ง แต่คนในสำนักงานสลากและบรรดายี่ปั๊วซาปั๊วที่ "สี่แยกคอกวัว" กลับคิดอีกอย่างหนึ่ง

 

 

ทฤษฎีของพ่อค้าลอตเตอรี่ ปรากฏภาพ "ค้างคาใจ" กรณีที่กองสลากใช้อำนาจยกเลิกโควตาขององค์การทหารผ่านศึกและสมาคมทหารผ่านศึกพิการ เบ็ดเสร็จกว่า 2.6 ล้านใบ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

 

นั่นหมายถึงการทุบหม้อข้าว รายได้ขององค์กรและทหารผ่านศึกจำนวนมากที่เคยรับ ต้องหายไปทันทีอย่างน้อยเดือนละ 18 ล้านบาท เป็นเงินที่คนกลุ่มนี้ใช้เลี้ยงปากท้องมาตลอดหลายปี

 

 

ต้องยอมรับว่า โควตาเหล่านี้ส่วนหนึ่งถูกขายไปอยู่ในมือของ "พ่อค้า" สายรัฐบาลชุดที่แล้ว กระทั่งเมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้ามาก็ย่อมอยากกวาดกลับมาไว้ในมือ

 

 

ปฏิบัติการของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่แค่ยึดโควตา แต่คือการยึดคืนอำนาจในกองสลาก เริ่มจากการลาออกของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลคนเก่าคือ วันชัย สุระกุล

 

 

พร้อมแต่งตั้ง สมชาติ วงศ์วัฒนศานต์ รองผู้อำนวยการที่เคยรับผิดชอบดูแลงานสลากออนไลน์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2554

 

 

แน่นอน คนในรัฐบาลรู้ดีว่า กองสลากก็คือขุมทรัพย์ทางการเมืองที่ถูกกฎหมาย

 

 

รัฐบาลจึงเดินหน้าใช้มติคณะกรรมการ(บอร์ด)สลากกินแบ่งรัฐบาล ที่กุมบังเหียนโดยกระทรวงการคลัง ยึดคืนโควตาลอตเตอรี่ ที่ออกสมัย ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง ในยุคประชาธิปัตย์ จำนวน 4 ล้านใบทันที

 

 

โควตาลอตใหญ่นี้ไม่ได้มีแค่เพียงองค์การทหารผ่านศึกและสมาคมทหารผ่านศึกพิการเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงมูลนิธิเพื่อสังคมและโรงพยาบาลรัฐหลายแห่ง ก็ถูกกระทบจากเงื้อมมือรัฐบาลชุดใหม่นี้

 

นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 
 

 

 

หลังยึดโควตาคืนมา 4 ล้านใบ รัฐบาลได้รวบการจัดสรรใหม่ไปไว้ที่ "มูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล" ที่มี นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในยุคไทยรักไทย เป็นประธาน

 

 

นายชัยวัฒน์ เคยถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุกแต่รอลงอาญา 2 ปี ในข้อหาดำเนินการออกหวยบนดินเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัวโดยมิชอบ

 

 

มูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ถูกมองมาตลอดว่าเป็น "แหล่งพักโควตา" ก่อนจะถูกขายออกไปให้กับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว พรรคพวกของนักการเมือง

 

 

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า กองสลากได้ยึดคืนโควตาที่เคยให้องค์กรการกุศลรวมในลอตนี้ทั้งหมด 4 ล้านใบ เป็นการยึดชั่วคราวเพื่อให้มูลนิธิสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดสรรแทนเพียง 6 งวด คือจากเดือนพ.ย.ถึงเดือนธ.ค.เท่านั้น หลังจากนี้กองสลากจะมีการจัดสรรโควตากันใหม่

 

 

ทั้งนี้ โควตา 4 ล้านใบดังกล่าวเป็นขององค์การทหารผ่านศึก 1.5 ล้านใบและสมาคมทหารผ่านศึกพิการ 1.1 ล้านใบ ที่เหลือกระจายไปให้กับ มูลนิธิเวชศาสตร์เขตร้อน ของมหาวิทยาลัยมหิดล , มูลนิธิโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ , มูลนิธิของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ฯลฯ

 

 

"เหตุผลที่กองสลากขอคืนโควตาจากองค์การทหารผ่านศึกและสมาคมทหารผ่านศึกพิการ เนื่องจากมีการทำผิดเงื่อนไขในสัญญาที่ให้องค์กรการกุศลรับช่วงจำหน่ายสลากเอง แต่กลับนำไปขายต่อให้กับพ่อค้า ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว" นายชัยวัฒน์ระบุ

 

 

สำหรับเงื่อนไขในการจัดสรรโควตาลอตนี้ใหม่ยังไม่มีใครทราบ ว่าจะคืนให้กับมูลนิธิเดิมหรือปรับรูปแบบให้นิติบุคคล แต่ที่แน่ๆคือต้องมีการแย่งชิงกันอุตลุต เพราะโควตาชุดนี้เป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลปกติซึ่งมีภาษีดีกว่าสลากการกุศลพิเศษ

 

 

เสียงสะท้อนที่ออกมาจากพ่อค้าแม่ค้าที่สี่แยกคอกวัวก็คือ ราคาของโควตาลอตนี้ได้ถูก "ปั่น" ไปถึง 83 บาทต่อคู่ (2ใบเล็ก) เขยิบจากต้นทุนที่ออกจากกองสลากแค่ 72.80 บาท หรือถีบตัวขึ้นไปแล้ว 10.20 บาท

 

 

นั่นหมายความว่า ถ้ามีการขยำโควตากันใหม่จำนวน 4 ล้านใบ ภายใต้สัญญา 2 ปี เท่ากับว่าผลประโยชน์ที่ "อำนาจใหม่" จะรับไปเนื้อๆจากการ "เทคอม" หรือจ่ายส่วนต่างล่วงหน้า 48 งวด คิดเป็นเงินอย่างน้อย 979.20 ล้านบาท

 

 

แม้บรรดายี่ปั๊วรายใหญ่ไม่อยากเสียค่าแปะเจี๊ยะแพงถึง 83 บาท แต่ถ้าเล่นตัวไม่เอา ก็มีคู่แข่งที่พร้อมจะเสียบรับโควตาตลอดเวลา สุดท้ายอาจทำให้ยี่ปั๊วรายนั้นต้องซื้อของแพงกว่าเดิมก็เป็นได้

 

 

แม่ค้ารายใหญ่ที่สี่แยกคอกวัว กล่าวว่า มีผู้ค้าหลายรายถูกเรียกไปต่อรองราคา ซึ่งฝ่ายการเมืองต้องการให้มีการจ่ายล่วงหน้าและทำสัญญาไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น เพราะเมื่อครบกำหนดจะได้มีการตกลงจ่ายเงินรอบใหม่

 

 

ขณะที่ นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า การจัดสรรโควตาของมูลนิธิสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ได้มีการขายในราคา 83 บาท เพราะปกติแล้วมูลนิธิจะได้รับส่วนแบ่ง 2 %

 

 

ขณะที่ตัวแทนรายย่อยที่มารับจากมูลนิธินำไปขายต่อจะได้รับส่วนลด 7 %

 

 

"ตอนนี้เรานำโควตาที่ยึดมาชั่วคราว 4 ล้านใบ หรือ 4 หมื่นเล่ม จัดสรรให้กับลูกข่ายของเรา 7-8 ราย ที่เคยรับส่งสลากหวยบนดิน เพราะหลังจากหวยบนดินถูกยกเลิกไป คนกลุ่มนี้ก็ไม่มีอาชีพอะไร ทั้งที่เมื่อก่อนเขาส่งเงินให้กองสลากตามเวลาที่กำหนดตลอด" นายชัยวัฒน์ระบุ

 

 

 

อดีตผู้อำนวยการกองสลาก กล่าวว่า ที่ผ่านมามูลนิธิสำนักงานสลากฯจัดสรรโควตาที่ได้รับมาให้กับผู้ค้าทั้งหมดแค่ 151 ราย ส่วนที่มูลนิธิจัดจำหน่ายเองมีเพียง 84 เล่ม สาเหตุที่ลูกข่ายเรามีน้อยเพราะต้องการให้บริหารจัดการง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือนกระจายให้กับรายย่อย

 

 

"ถามว่ามูลนิธิได้บริหารจัดการเองหรือเปล่า การเมืองเขาก็คงมีคนของเขาเข้ามาไว้อยู่ ก็เป็นอย่างนี้เรื่อยมา เราก็เหมือนหนังหน้าไฟ สุดท้ายก็ถูกคนภายนอกโจมตีอย่างหนักจนภาพพจน์มูลนิธิเสียหาย" นายชัยวัฒน์กล่าว

 

 

สำหรับสาเหตุของการระเบิดหน้ากองสลากเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมนั้น นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด ระหว่างความขัดแย้งทางการเมืองหรือการเสียผลประโยชน์ของคนมีสีในกองสลาก และไม่ปักใจเชื่อว่าจะเกิดจากการยึดโควตาองค์การทหารผ่านศึก เพราะการจัดสรรยังไม่จบ องค์การทหารผ่านศึกอาจได้โควตาคืนในงวดเดือนมกราคม 2555 ก็เป็นได้

 

 

"ที่ผ่านมาโควตาของกลุ่มองค์กรการกุศล สมาคมต่างๆ 4 ล้านใบ ครบกำหนดในงวด 1 พฤศจิกายน 2554 แต่กลับมีการเจรจาขายโควตาลอตใหม่ให้พ่อค้าตั้งแต่เดอนมิถุนายน -กรกฏาคม เพราะคิดว่าตัวเองจะได้รับการต่อสัญญา มีการเก็บเงินพ่อค้ามาล่วงหน้า พอโควตาถูกริบคืนก็เลยมีปัญหาว่าจะทำอย่างไรกับเงินที่รับมาแล้ว" นายชัยวัฒน์ระบุ

 

 

ไม่เพียงแต่โควตาสลากลอตนี้เท่านั้นที่จะจัดสรรใหม่ แต่มีแนวโน้มที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จะเคาะ "โควตาสลากการกุศลพิเศษ" บิ๊กลอตออกมาอีก 4 ล้านใบ ในเดือนมกราคม 2555

 

 

สลากการกุศลลอตนี้เป็นที่หมายตา เพราะทุกคนอยากมี "ของตัวเอง" ในมือ อีกทั้งราคาลอตเตอรี่ที่ขายในท้องตลาดจะแพงขึ้นอีกในช่วงเทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์

 

 

แน่นอนว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในสี่แยกคอกวัวต้องวิ่งเช็คข่าวด้วยความเร้าใจ เพราะหมายถึงศึกแย่งชิงโควตาออกใหม่กันเบ็ดเสร็จ 8 ล้านใบ ไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์ที่ต้องจ่ายล่วงหน้าเฉียดๆ 2,000 ล้านบาท เงินส่วนนี้พร้อมควักออกมาทันทีที่ได้รับสัญญา

 

 

นายชัยวัฒน์ ยอมรับว่า กองสลากจะมีการออกสลากการกุศลพิเศษในเดือนมกราคม 2555 จริง แต่ยังไม่ทราบว่าจะออกเพื่อหารายได้ให้กับมูลนิธิหรือโรงพยาบาลใด เพราะขณะนี้มีมูลนิธิที่รอรับเงินรายได้จากการออกสลากอยู่ถึง 2 หมื่นล้านบาท

 

 

ขณะที่แนวโน้มการออก "สลากออนไลน์" ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายเปิดช่องให้ดำเนินการได้นั้น คงเป็นเรื่องยาก เพราะติดเงื่อนไขเรื่องส่วนแบ่งเงินรางวัล ที่ไม่ดึงดูดใจผู้ซื้อ อาจทำให้หวยออนไลน์ใหม่ซบเซา จึงไม่แปลกใจที่ตลาดหันกลับมาเล่นลอตเตอรี่กันอีกรอบ

 

 

ขุมข่ายผลประโยชน์จากลอตเตอรี่ กลายเป็นที่มาของการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันหลายรูปแบบ เพราะตลาดนี้เล่นกันด้วย "เงินสด" และคนที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็มีแบ็คอัพทางการเงินไม่ธรรมดา

 

 

เมื่อได้แบ็คอัพทางการเมืองที่ดี จึงมีคนพร้อมจ่ายแบบหมูไม่กลัวน้ำร้อน ส่วนคนที่เสียประโยชน์ก็รอทิ้งบอมบ์เพื่อแก้แค้นเป็นธรรมดา

 

......................

 

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

 

 

 

 

คอนเน็คชั่นไม่ธรรมดา "ธรรมนัส ร้อนแรง -เจ๊แดง โรยรา "

 

ความโรยราของกลุ่มที่ถูกเรียกขานว่าเป็น "5 เสือกองสลาก"กำลังถูกทดแทนด้วยคลื่นลูกใหม่ในวงการลอตเตอรี่

ไม่ใช่แค่ยี่ปั๊วระดับกลางอย่างเจ๊ตุ่่ม เจ๊กล้วย ที่กำลังขึ้นมาทาบรัศมี 2 พญาเสือ หนึ่งคือ "เจ๊แดง"ปลื้มจิตต์ กนิษฐ์สุต เจ้าของบริษัทสลากมหาลาภ , บริษัทปลื้มวัธนา และบริษัทไดมอนด์ ล็อตโต้

 

 

และสองคือ "เจ๊สะเรียง"สะเรียง อัศววุฒิพงศ์ เจ้าของ บริษัท หยาดน้ำเพชร และบริษัทบีบี เมอร์ชานท์ เท่านั้น

แต่ปัจจุบันยังมีการก้าวเข้ามาของยี่ปั๊วรุ่นใหม่ที่มี "หน้าตัก"แข็งแรงจำนวนมาก ทั้งในรูปของรายย่อยและนิติบุคคล

 

ที่กระฉ่อนวงการสลากที่สุดขณะนี้ คือกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เจ้าของบริษัทธรรมนัสการ์ด และลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล ที่เคยมีปัญหากับผู้ค้าในตลาดคลองเตย ได้รุกคืบธุรกิจลอตเตอรี่แบบเต็มตัว

 

 

ด้วยสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ เจ๊แดง ปลื้มจิตต์ จนนำไปสู่การเข้ามาเป็นกรรมการและถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเจ๊แดง ที่ให้ลูกสาวบุญธรรม คือ ขวัญฤดี กนิษฐ์สุต เป็นผู้ดูแล

 

 

ห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ก่อตั้งเมื่อเดือน พฤษภาคม 2550 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เดิมออฟฟิศจดทะเบียนไว้ที่ เลขที่ 110/2 ถนนวุฒากาศ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี ซึ่งเป็นที่อยู่ของบริษัทในกลุ่มเจ๊แดงเกือบทั้งหมด

 

 

ในช่วงที่ วันชัย สุระกุล เป็นผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หจก.ขวัญฤดี ได้รับโควตาสลากการกุศลงวดละ 2 หมื่นเล่ม หรือ 2 ล้านใบ ตั้งแต่งวดวันที่ 1 กันยายน 2553 จนถึงงวดวันที่ 16 มกราคม 2555 รวม 34 งวด

 

 

โควตานิติบุคคลที่ได้รับอนุมัติครั้งนั้น ยังรวมถึงบริษัท สลากมหาลาภ ของเจ๊แดงเอง และ บริษัท หยาดน้ำเพชร ของเจ๊สะเรียง รายละ 2 หมื่นเล่มเช่นเดียวกัน

 

 

ถือเป็นการกลับมาของกลุ่มห้าเสือแบบที่ฮือฮา แต่โฉ่งฉ่างสำหรับคนในวงการ

 

 

เพราะที่ผ่านมากลุ่มห้าเสือ "ซุ่มเงียบ"กวาดโควตาลอตเตอรี่จากบรรดามูลนิธิ องค์กรสาธารณกุศลต่างๆมาตลอดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยการจ่ายผลประโยชน์แบบที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

 

 

รวมไปถึงโควตาส่วนใหญ่ของ "องค์การทหารผ่านศึก"และ "สมาคมทหารผ่านศึกพิการ"ที่เพิ่งถูกกองสลากยึดคืนไป ก็เป็นของกลุ่มห้าเสือเช่นเดียวกัน

 

 

การผูกสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเจ๊แดงและความแนบแน่นกับ ขวัญฤดี บุตรสาวบุญธรรมของเจ๊แดง นำไปสู่การเข้ามาเทคโอเวอร์โควตาและเข้ามาเป็นกรรมการของหจก.ขวัญฤดีแบบเต็มตัวของร.อ.ธรรมนัส

 

 

ล่าสุด หจก.ขวัญฤดี มีการเพิ่มทุนจด เป็น 2 ล้านบาท และย้ายสถานที่ทำการไป เลขที่ 888 ถนนอโศก-ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับ บริษัท ธรรมนัสการ์ดนั่นเอง

 

 

ร.อ.ธรรมนัส ยังมีคอนเนคชั่นที่ดีกับ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ "เสธ.ไอซ์"เพื่อนร่วมรุ่นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตอนนี้ใครๆก็รู้ว่าเสธ.ไอซ์ขึ้นหม้อในรัฐบาลเพื่อไทยแค่ไหน

 

 

ขณะที่กลุ่มของเจ๊แดง และขวัญฤดี ก็มีคอนเน็คชั่นที่ดีกับกลุ่มประชาธิปัตย์ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ รายชื่อผู้ถือหุ้น ในบริษัทแอดวานซ์ เทคโนโลยี ซีสเต็มส์ ซึ่งเป็นธุรกิจรับจองตั๋วโดยสาร ให้บริการผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ที่มี ปลื้มจิตต์ เป็นกรรมการ และ มี ขวัญฤดี ถือ 20 หุ้น พร้อมด้วยชื่อของ วิฑูร กรุณา ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนนทบุรี ถืออีก 3 หุ้น

 

 

ขณะที่บางบริษัทของเจ๊แดง เช่น บริษัทวัธนารมย์ ซึ่งจดทะเบียนเพื่อเช่าอาคารจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ถนนราชดำเนิน ก็มีชื่อ วิฑูร กรุณา ร่วมเป็นกรรมการ และถือหุ้น

 

 

ความโรยราทางสุขภาพของเจ๊แดง คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของวงการค้าสลาก ขณะที่ เจ๊สะเรียง แม้จะอายุมาก แต่ยังไม่วางมือจากธุรกิจ สตรีทั้งสองคือคู่แข่งขันแต่ก็ไม่ฆ่ากันในเชิงธุรกิจ

 

 

ห้าเสือกองสลากขณะนี้จึงมีแนวร่วมใหม่อย่าง ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บ ซึ่งแน่นอนว่าเขามีชื่อเป็นหนึ่งในผู้มีโอกาสได้รับการจัดสรรโควตาสลากใหม่ในเดือนมกราคม 2555

 

 

 

แบ็คอัพของร.อ.ธรรมนัสคือคนมีสีที่ใหญ่เบิ้มในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขณะที่ทุนการเงินที่หนุนหลังร.อ.ธรรมนัส ก็ไม่ใช่ทุนธรรมดาและตัวเขาเองก็มีการสะสมทุนได้มากในช่วงที่ผ่านมา

 

 

วงการสลากจึงเป็นอาณาจักรใหม่ทางธุรกิจของร.อ.ธรรมนัส ที่เพิ่งก้าวเข้ามาเล่นตลาดนี้ได้ไม่นาน แต่มาแรงและเร็ว จนคนในสี่แยกคอกวัวบอกว่า "กลัว"

 

 

ธุรกิจค้าลอตเตอรี่จึงยังคงคึกคักด้วยยี่ปั๊ว ซาปั๊ว รุ่นกลางและรุ่นใหม่ แต่ฝีไม้ลายเท้าจะมาทดแทนคนรุ่นเดิมได้หรือไม่ยังคงต้องติดตามดูกัน

 

 

( เรื่อง : ปั่นตลาดลอตเตอรี่ 8 ล้านใบ ขุมข่ายผลประโยชน์ 2 พันล้าน "ร.อ.ธรรมนัส" ผงาดห้าเสือกองสลาก จาก ThaiPublica )


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323608511&grpid=01&catid=&subcatid=

 

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หมาซัลโวปืนลูกซองใส่ก้นเจ้านาย!


หมาซัลโวปืนลูกซองใส่ก้นเจ้านาย!

วันที่ 02/12/2554 16:45 (ผ่านมา 1 วัน 15 ชั่วโมง 32 นาที)

หมาซัลโวปืนลูกซองใส่ก้นเจ้านาย!

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน มองต่างมิติ-เรื่องเล่าข่าวเมาท์ในตอนนี้ ผมขอหยิบยกข่าวของชายผู้โชคร้ายคนหนึ่งมาเล่าสู่กันฟัง แต่ก่อนอื่นต้องขอกราบเรียนทุกท่านก่อนว่า เรื่องที่ว่านี้ จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ "ขำไม่ออก" แน่ๆ หากมันมาเกิดขึ้นกับตัวเรา...

สืบเนื่องจากรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ว่า ชายวัย 46 ปีคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อใน เกรท ซอลต์ เลค มลรัฐยูทาห์ ของสหรัฐอเมริกา ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน หลังจากที่เขาถูกสุนัขคู่ใจใช้ปืนลูกซองยิงใส่ขณะเดินทางไปล่าเป็ดจนก้นเหวอะ ใช่แล้วครับ! ทุกท่านอ่านไม่ผิดแน่นอน เพราะผู้ที่ลั่นไกสาดกระสุนเข้าใส่ทวารหนักของชายนักล่าสัตว์รายนี้ คือ สุนัขคู่ใจของเขานั่นเอง

เรื่องสะเทือนขวัญครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อชายผู้เคราะห์ร้ายเดินออกไปสำรวจหาพื้นที่ซุ่มยิงเป็ดบริเวณทะเลสาบเกรท ซอลต์ เลค ทางตอนเหนือของมลรัฐยูทาห์ โดยเขาเผลอวางปืนลูกซองไว้ด้านหลังกับสุนัขคู่ใจของตนเอง และในไม่กี่อึดใจเจ้าสุนัขตัวดังกล่าว ซึ่งกำลังอยู่ในอาการตื่นเต้นจากการที่เจ้านายของมันพามาเปิดหูเปิดตานอกสถานที่ ก็เผลอเอาเท้าข้างหนึ่งของมันกระแทกลงไปบนไกปืนอย่างจัง เป็นเหตุให้ชิ้นส่วนของกระสุนลูกปรายไม่ต่ำกว่า 27 ชิ้น ถูกสาดใส่ทวารหนักของผู้เป็นเจ้านายแบบไม่ทันตั้งตัว ขณะที่นักล่าสัตว์อีกรายที่อยู่ใกล้เคียงก็ไม่อาจช่วยได้ เคราะห์ดีที่อาการบาดเจ็บของชายที่ถูกสุนัขลั่นไกใส่บั้นท้าย ไม่ได้สาหัสเท่าใดนัก

อย่างไรก็ดี ชายนักล่าดวงตกรายนี้จะคิดได้หรือไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาอาจเป็นเพราะ "เวรกรรม" ที่เขาเคยคร่าชีวิตสัตว์โลกมานับไม่ถ้วนก็เป็นได้ และหวังว่าเขาคงจะเห็นคุณค่าของชีวิตเพื่อนร่วมโลกมากขึ้น หลังผ่านพ้นเหตุการณ์นี้.

ไทยรัฐออนไลน์


ต้นฉบับ: http://www.thairath.co.th/content/oversea/220832 

การจัดรถ-เรือเพื่อให้รองรับ ประชาชนที่ประสพอุทกภัย


กองทัพได้ดำเนินการจัดรถ-เรือเพื่อห้รองรับ ประชาชนที่ประสพอุทกภัยในพื้นที่ต่างทั้งในกทม. และบริเวณปริมณฑล ในเส้นทางต่างๆ ที่น้ำเข้าท่วมสูง โดยบัญชาของพล.อ. ประยุทธ จันทรโอชา ผบ.ทบ. ทั้งนี้ได้สั่งเพิ่มเส้นทางการเดินรถและเรือในพื้นที่ประสพอุทกภัยในกทม.อีก 5 เส้นทาง ได้แก่ ในพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออก 3 เส้นทางคือ 
เส้นทางที่ 1 ถ.วิภาวดีรังสิต ตั้งแต่ อนุสรณ์สถาน ถึง สี่แยกรัชโยธิน 
เส้นทางที่ 2 ถ.พหลโยธินตั้งแต่สนามกีฬาธูปะเตมีย์ ถึงเมเจอร์รัชโยธิน โดยทั้งสองเส้นทางจะใช้รถยนต์บรรทุก 20 คันและเรือ 10 ลำ 
เส้นทางที่ 3 ถ.แจ้งวัฒนะ ตั้งแต่ทางขึ้นทางด่วนแจ้งวัฒนะ ผ่าน ถ.รามอินทราถึงแยกวัชรพล
ส่วนกทม.ฝั่งตะวันตก จะให้บริการเพิ่มเติมอีก 2 เส้นทางคือ 
เส้นทางที่ 1 ถ.เพชรเกษม ตลอดสาย ซึ่งจะเป็นการบริการแบบเรือต่อรถ หรือรถต่อเรือแล้วแต่สภาพพื้นที่ 
เส้นทางที่ 2 ถ.กาญจนาภิเษก จากแยกสุพรรณบุรีถึง รพ.บางใหญ่
การเดินรถในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล
กทม.ฝั่งเหนือ
โซน 1 ดอนเมือง-หลักสี่-บางเขน เวลา 07.00-22.00 น.
โซน 2 ลาดกระบัง-หนองจอก-มีนบุรี 06.00-10.00 น. และ 15.30-19.00 น.
โซน 3 พุทธมณฑล-นครปฐม 07.00-22.00 น.
โซน 4 ธัญบุรี-ปทุมธานี 08.00-18.00 น.
กทม.ฝั่งตะวันออก
เส้นทางที่ 1 ถนนวิภาวดีรังสิต-อนุสรณ์สถาน-สี่แยกรัชโยธิน
เส้นทางที่ 2 สนามธูปะเตมีย์-เมเจอร์รัชโยธิน
เส้นทางที่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ (ใต้ทางด่วน) -รามอินทรา-วัชรพล
กทม.ฝั่งตะวันตก รถต่อเรือ เรือต่อรถ
เส้นทางที่ 1 ถนนเพชรเกษมตลอดสาย
เส้นทางที่ 2 ถนนกาญจนาภิเษก ตั้งแต่แยกสุพรรณบุรีถึงโรงพยาบาลบางใหญ่