วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

: บทความดีค่ะ



จาก: somboon srikomdokcare <wept_somboon@hotmail.com>
วันที่: 18 กันยายน 2554, 20:38
หัวเรื่อง: บทความดีค่ะ
ถึง: 

ลูก จงจำไว้ว่า .....
การไม่ต่อสู้ใน บางกรณี
กลับเป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าการต่อสู้
อย่างเอาเป็นเอาตาย

ลูกจงอย่าโกรธคนไม่ดี
ที่จริงเขาก็อยากดีเหมือนกัน
แต่เขาไม่เข้าใจว่า
อะไรเป็นความดี ... อะไรคือไม่ดี

ลูกพ่อต้องเป็นคนแข็งแรง ... ไม่แข็งกระด้าง
ลูกพ่อต้องเป็นคนเรียบง่าย ... ไม่มักง่าย
ลูกพ่อต้องเป็นคนอ่อนโยน ... ไม่อ่อนแอ

ลูกจงโอนอ่อนผ่อนตาม
อย่างฉลาดและสุขุม
การพ่ายแพ้ด้วยศิลปะ
ดีกว่าการชนะด้วยอารมณ์

ความกล้าหาญต้องประกอบด้วยสติปัญญา
ถ้าลูกกล้าโดยไม่มีสติปัญญา
เขาเรียกว่าคนบ้าบิ่น

ปลายทางสุดท้ายของความไม่พอ
คือ ... ความทุกข์

ลูกจงจำไว้ว่า ...
ผูท ี่ไม่มีใครให้อภัยผู้อื่น
คือผู้อ่อนแอทางจิตใจ
การให้อภัยศัตรู คือการสร้างมิตร

ลูกควรจำสิ่งที่ควรจำ ลืมสิ่งที่ควรลืม
ทำสิ่งที่ควรทำ และต้องรู้ว่าสิ่งใดควรทำก่อน
สิ่งใดควรทำทีหลัง

เมื่อลูกสังเกตดู จะพบว่า
ภายหลังเสียงหัวเราะ จะมีน้ำตา
ภายหลังเสียน้ำตา จะเห็นแสงธรรม
คือความจริงของชีวิต
หกล้มเราเพราะก้าวเดินไปข้างหน้า
ยังดีกว่าลูกยืนเต๊ะท่าอยู่กับที่
เพราะถ้าลูกยืนไม่ดี ... ก็จักมีคนมาถีบให้ล้มอยู่ดี

ลูกจงหาความสุขกับปัจจุบัน
อย่าใฝ่ฝันถึงอนาคต
อย่างหมกมุ่นอยู่กับอดีต
จะทุกข์

ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่าลืมตัว
เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียคน
ผิดอะไรก็ผิดได้ แต่อย่าผิดศีลธรรม

ลูกจงจำไว่ว่า ...
ธรรมชาติไม่เคยให้อภัยใคร

ใครทำอย่างใด ต้องได้รับอย่างนั้น
แต่ธรรมชาติก็ให้โอกาสทุกคนเสมอ
แต่คนเรา ... โดยส่วนมาก
ไม่ค่อยยอมรับโอกาสนั้น

ลูกจงจำไว้ว่า
คนเห็นแก่เงิน คบยาก
คนเห็นแก่งาน คบยาก
คนเห็นแก่ผู้อื่น คบสบาย

ผู้กล้าหาญ คือผู้ที่สามารถบังคับตัวเองได้
ถ้าลูกจักปลูกต้นไม้ ต้องบำรุงราก
แต่ถ้าปลูกจิตใจ
ต้องบำรุงด้วยศีลด้วยธรรม

การโกรธ เป็นวิสัยของปุถุชน
การให้อภัย เป็นวิสัยของบัณฑิต
ลูกพ่อจะเป็นบัณฑิต จึงต้องฝึกการให้อภัย
ด้วยความมีเมตตา
เพราะเมตตาแก้ความโกรธได้  

หน้าที่ของลูกควรปฏิบัติต่อผู้อื่น คือ
การมอบน้ำใจให้แก่กันและกัน

ลูกควรมองคนในแง่ดี  
ให้มองว่าไม่มีใครจะเลวทั้งหมด
คนเราเป็นมิตรกันได้
แม้จะมีความคิดต่างกัน

เรือที่ออกทะเล
ปฏิเสธคลื่นลมไม่ได้ ฉันใด
ชีวิตของลูก
ปฏิเสธอุปสรรคไม่ได้ ฉันนั้น

บางส่วนจากเจ้าของบทความ :
จากหนังสือ ๖ ๐ ข้อคิดบันทึกไว้จากใจพ่อ

อิกคิว ผู้คัดลอก


ความดีของลูก คือความสุขของพ่อ แม่
ความเลวของลูก คือความทุกข์ของพ่อแม่

    ฉัน พูดกับพุทธองค์ว่า
ฉันพูดกับพุทธองค์ว่า : ขอให้เพื่อนของฉันทุกคนมีความสุข สุขภาพดี ตลอดไป
พุทธองค์ตอบว่า : ขอได้เพียง 4 วันเท่านั้น
ฉันตอบว่า : ได้ ถ้างั้นขอวันฤดูใบไม้ผลิ วันฤดูร้อน วันฤดูใบไม้ร่วง วันฤดูหนาว
พุทธองค์ตอบว่า : 3 วัน
ฉันตอบว่า : ได้ เมื่อวาน วันนี้ วันพรุ่งนี้
พุทธองค์ตอบว่า : ไม่ ได้ ให้ได้แค่ 2 วัน
ฉันตอบว่า : ได้ งั้นเป็นกลางวัน และ กลางคืน
พุทธองค์ตอบว่า : ไม่ได้มากไป ให้ได้วันเดียว  
ฉันตอบว่า : อ๋อ ได้  
พุทธองค์ถามว่า : วันไหนล่ะ  
ฉันตอบว่า : ขอเป็นวันที่เพื่อนๆของฉันยังมีชีวิตอยู่
พุทธองค์หัวเราะ แล้วพูดว่า : นับแต่นี้ไปเพื่อนๆของเธอจะมีความสุข มี สุขภาพแข็งแรงทุกๆวัน

คนที่ได้เมล์ฉบับนี้แล้วส่งต่อให้เพื่อน , ขออวยพรให้เพื่อนๆ ของคุณทุกคนมีความสุข สุขภาพดี
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ดูแลตัวเองด้วย (อย่าลืมส่งความอบอุ่นไปด้วยล่ะ)

ปล. พุทธองค์พูดว่าเพื่อนที่ดีไม่ควรขาดการติดต่อ

 

 


 



 

 




วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

ทองใบ ทองเปาด์ ทนายความของคนยาก

 
ทองใบ ทองเปาด์ ทนายความของคนยาก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มกราคม 2554 00:37 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2501 คณะนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ ในนาม "คณะผู้แทน และส่งเสริมวัฒนธรรม" จำนวน 12 คน จากประเทศไทยนำโดย กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ "ศรีบูรพา" เดินทางเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของทางการจีน
       
       ระหว่างที่อยู่ในประเทศจีน จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจ ในวันที่ 20 ตุลาคม 2501 มีการกวาดล้าง จับกุม ประชาชนที่มีความคิดเห็นต่างจาก รัฐบาลเป็นจำนวนมาก โดยใช้ พรบ. ป้องกัน การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 และประกาศคณะปฏิวัติ เป็นเครื่องมือ ตั้งข้อหา คอมมิวนิสต์ให้ฝ่ายตรงข้าม
       
       กุหลาบ สายประดิษฐ์ซึ่งเพิ่งได้รับอิสรภาพไม่ถึงปี หลังจากถูกคุมขังในข้อหา กบฎสันติภาพ นาน สี่ปีเศษ เมื่อทราบข่าว การรัฐประหาร ก็ตัดสินใจ ไม่กลับเมืองไทย ขอลี้ภัยอยู่ที่จีน ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง ในปี 2517 ส่วนคนอื่นๆ รวมทั้ง สุวัฒน์ วรดิลก หรือ "รพีพร" เพ็ญศรี พุ่มชูศรี และ ทองใบ ทองเปาด์ เดินทางกลับถึงประเทศไทย ในวันที่ 20 ธันวาคม 2501 พอลงจากเครื่องบิน ที่สนามบินดอนเมือง ก็ถูกจับทันที ในข้อหากบฏภายนอกและภายในราชอาณาจักร เพราะจีน มีการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ และยังไม่มีความสัมพันธ์ทางการฑูตกับประเทศไทย ผู้ที่เดินทางไปจีน ในช่วงนั้น จึงมีความผิด
       
       ทองใบ ทองเปาด์ ในขณะนั้น ซึ่งจบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากทำงานเป็นทนายความ ว่าความให้กับนักหนังสือพิมพ์ในคดีกบฏสันติภาพ เมื่อปี พ.ศ. 2496 แล้วยังทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ ที่หนังสือพิมพ์ "ไทยใหม่" ของ สุภา ศิริมานนท์ ต่อมาย้ายไปหนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" ร่วมกับ ทวีป วรดิลก ก่อนจะ ย้ายไป อยุ่ที่ "สยามนิกร" "สุภาพบุรุษ-ประชามิตร" และ "ข่าวภาพ" โดยมีหน้าที่เขียนข่าวการเมือง มีฉายาว่า "บ๊อบการเมือง" เนื่องจากขณะนั้น ทองใบไว้ผมยาว ทรงบ๊อบ
       
       ระหว่างปี ปี พ.ศ. 2501-2509 มีประชาชนจำนวนมาก ที่ถูกรัฐบาลเผด็จการ จับกุมคุมขัง เพียงเพราะมีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน บางคน ไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อร้องขอ ก็ถูกจับฐานเป็นกบฎ แต่ก็มิได้มีการตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ และไม่มีการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ทุกคนถูก "ขังลืม" ตามคำพิพากษาของศาลเตี้ย โดยไม่รู้ว่า ชะตากรรมในวันรุ่งขึ้นจะเป็นอย่างไร
       
       ในคุกลาดยาว ที่ทองใบ ทองเปาด์ ถูกจองจำในฐานะนักโทษทางการเมืองอยู่นั้น มีทั้งชาวนาชาวไร่ ผู้นำกรรมกร นักการเมือง นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ ครู และพระ มากกว่า 300 คน ถูกคุมขังอยุ่ด้วย แม้คุกจะขังพวกเขาไว้ แต่ไม่สามารถปิดกั้นหัวใจได้ ผลงานสร้างสรรค์จำนวนมาก เกิดขึ้นในคุกลาดยาวแห่งนี้ อาทิเช่น นวนิยาย ชื่อ"ลูกผู้ชาย ชื่อ ไอ้แผน" ของ อิศรา อมันตกุล "ภูติพิศวาส" ของ "รพีพร" รวมทั้ง ผลงานประเภทต่างๆจำนวนมาก ของ จิตร ภูมิศักดิ์ ก็เกิดขึ้นในช่วงที่เขาอยู่ในคุกลาดยาว ระหว่าง พ.ศ. 2501-2507 ทั้งวรรณกรรม ภาษาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ งานแปล บทกวี เช่น "ความเป็นมาของคำสยาม ลาว และขอม" และ "ลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ"  หรือ "สังคมไทยลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนสมัยศรีอยุธยา" งานวิจารณ์วรรณคดี เช่น  "นิราศหนองคาย" วรรณคดีที่ถูกสั่งเผา งานพจนานุกรมภาษาละหุเล่มแรกของเมืองไทย คือ "ภาษาละหุหรือมูเซอร์" งานแปล เช่น "แม่ ของแมกซิม กอร์กี้"  "โคทาน" ของเปรมจันท์ "คนขี่เสือ" ของภวานี ภัฎฏาจารย์ "ความเรียงว่าด้วยศาสนา" ของศาสตราจารย์ยอร์จ ทอมสัน
       
       นอกจากนี้จิตรยังได้แต่งบทเพลงจำนวนมาก ภายใต้นามแฝง "สุธรรม บุญรุ่ง" ที่มีเนื้อหาสะท้อนสันติภาพ ความเสมอภาค ความยุติธรรมในสังคม ต่อต้านการกดขี่เผด็จการทหาร ศักดินาและจักรวรรดินิยม เช่น เพลง "มาร์ชลาดยาว" "มาร์ชชาวนาไทย" "เทิดสิทธิมนุษยชน" "ฟ้าใหม่" "ความหวังยังไม่สิ้น" "แสงดาวแห่งศรัทธา" "ศักดิ์ศรีของแรงงาน" "เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ" "รำวงวันเมย์เดย์" "มนต์รักจากเสียงกะดึง" ฯลฯ
       
       ชนรุ่นหลัง ได้รับรู้ชีวิตภายในคุกลาดยาว ของ นักโทษการเมืองในยุคกึ่งศตวรรษ เหล่านี้จาก บันทึกของ ทองใบ ทองเปาด์ ที่มีการพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2517 ในชื่อ "คอมมิวนิสต์ ลาดยาว" ซึ่งบรรยายชีวิตภายในคุกลาดยาวของผู้ต้องหาทั้งระดับชาวนาธรรมดา เช่นเฒ่าปาน โนนใหญ่ หรือชีวิตของหมอธรรมเช่น ธรรมชาลี จันทราช ตลอดจนบุคคลระดับชาติที่มีชื่อเสียง เช่นอดีตรัฐมนตรี เทพ โชตินุชิต ผู้นำทางการเมืองแนวสังคมนิยม อดีตทหารเรือพลตรีทหาร ขำหิรัญ หรือชีวิตของ อดีตนายกสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย อุทธรณ์ พลกุล เจ้าของนามปากกา "งาแซง" ผู้ใช้เวลาเขียนตำราภาษาฝรั่งเศสเรียนด้วยตนเอง และเจ้าของคติ "เราไม่มีหน้าที่ค้ำบัลลังก์ให้เผด็จการทรราช"
       
       นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงชีวิตและจุดเปลี่ยนของสังข์ พัธโนทัย อดีตนายมั่น นายคง โฆษกคู่บุญของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ผู้ไว้เครายาวประท้วงการจับกุมและการทำลายระบอบประชาธิปไตย ของเผด็จการ
       
       ทองใบ ทองเปาด์ ติดคุกฟรีอยู่ 8 ปีกว่า โดยได้รับการปล่อยตัวเมื่อ พ.ศ. 2509 จากประสบการณ์ที่ได้กับตัวเองโดยตรง ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในระหว่างถูกคุมขัง และได้พบเห็นเพื่อนมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ เช่น ชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา พระ ครู นักการเมือง นักเขียน สื่อมวลชนต้องติดคุกทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดด้วยเหตุใด จะมีการพิจารณาไต่สวนความบริสุทธิ์อย่างไร ทุกคนต่างมีชีวิตในคุกที่มืดมน ไร้อนาคต ต้องอดทน อดกลั้น ดิ้นรน ต่อสู้ เป็นการต่อสู้ที่ต้องเสี่ยงต่อชีวิต ต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบ สู้กับอำนาจของรัฐบาลอย่างอดกลั้น เมื่อได้รับอิสรภาพแล้ว เขาจึงปวารณาตัวว่าจะประกอบอาชีพทนายความต่อสู้เพื่อประชาชน จึงตั้งความมุ่งหวังไว้ว่าจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายที่เสียเปรียบทางสังคมโดยเฉพาะผู้ไม่รู้กฎหมายให้ได้รับความเป็นธรรมให้ปรากฏในสังคมให้จงได้ 
       
       ทองใบ ทองเปาด์ นอกจากจะเป็นนักข่าว หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แล้ว จึง ตั้งสำนักงานทนายความทองใบ ทองเปาด์ รับปรึกษาและว่าความทั่วราชอาณาจักร โดยมีหลักปรัชญาในการทำงานคือ ให้ความช่วยเหลือคนยากคนจน บุคคลที่ถูกเอารัดเอาเปรียบทางสังคมในเรื่องของคดีความ เช่น คดีแรงงาน คดีชาวสลัม คดีเด็กและสตรี คดีการเมือง คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คดีเพื่อรักษาผลประโยชน์เพื่อแผ่นดิน คดีเกี่ยวกับสิทธิทำกินของชาวไร่ ชาวนา รวมทั้งการเผยแพร่ความรู้ด้านกฎหมายให้แก่ประชาชนผู้อยู่ห่างไกลได้รู้กฎหมายไว้ป้องกันตนเองโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ จนเป็นที่ยอมรับของสังคมทั้งในและต่างประเทศ
       
       ทองใบ ทองเปาด์ ได้รับรางวัลรามอน แมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะ ประจำปี 2527 แต่เขาปฏิเสธที่จะเดินทางไปรับรางวัลที่ประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากไม่ต้องการรับรางวัลจากประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ซึ่งเป็นผู้นำเผด็จการ และละเมิดสิทธิมนุษยชน จากกรณีลอบสังหารนายเบนีโย อากีโน (สามีของนางคอราซอน อากีโน) เมื่อ พ.ศ. 2526
       
       ทองใบ ทองเปาด์ ในวัย 85 ปี เสียชีวิตเมื่อวานนี้ จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน 

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000010265

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

Violin Solo by Multi-Talented 4 Years Old Kid



This is when he was 4. His progress from 5 to 7 years old can be viewed on Youtube as well.
-------------------------------------------
Dhanat Plewtianyingthawee is the world's amazing young artist who ever had his first solo art exhibition in Bangkok in April 2006 at the age of 3 and a half years old. At present, he paints over two thousand remarkable big and small abstracts and sold worldwide.

His talent has been exposed on many local and international TV programs, newspapers, magazines, radio, and international websites. You can find all the websites where his works are listed at www.squidoo.com/dhanat

Some of his paintings have been assembled, edited as a movie, and posted on this YouTube too.

He does not only good in painting but another kind of ART skill that is MUSIC is also considered very good. His unusual music hearing ability was recognized when he was only one year and ten months.

He started his first violin lesson when he was only three and a half years old. The following video shows his violin solo in the Grand Auditorium of Thailand Cultural Center when he was 4 years and 4 months old. Four songs were played with confidence.

Enjoy yourself.

For more information about Dhanat : www.squidoo.com/dhanat
Email : happyauntie@gmail.com

Only 4 Yearsold - Hank Williams Jr.Jambalaya

Only4Yearsold-HankWilliamsJr.Jambalaya

Jambalaya on the Bayou - Hank Williams

Hank Williams Sr. Singing Jambalaya On the Bayou.

Goodbye Joe me gotta go me oh my oh
Me gotta go pole the pirogue down the bayou
My Yvonne the sweetest one me oh my oh
Son of a gun we'll have big fun on the bayou
Jambalaya and a crawfish pie and file gumbo
Cause tonight I'm gonna see my ma cher amio
Pick guitar fill fruit jar and be gay-o
Son of a gun we'll have big fun on the bayou
[ fiddle ]
Thibodaux Fontaineaux the place is buzzin'
Kinfolk come to see Yvonne by the dozen
Dress in style and go hog wild me oh my oh
Son of a gun we'll have big fun on the bayou
Settle down far from town get me a pirogue
And I'll catch all the fish in the bayou
Jambalaya and a crawfish pie...
[ fiddle ]
Later on, swap my mon, get me a pirogue
and I'll catch all the fish on the bayou
Swap my mon, to buy Yvonne what she need-oh
Son of a gun we'll have big fun on the bayou
Jambalaya and a crawfish pie...


เปิดพิมพ์เขียวโรดแมปปรองดอง ฉบับ "ดร.คณิต ณ นคร"

 

เปิดพิมพ์เขียวโรดแมปปรองดอง ฉบับ "ดร.คณิต ณ นคร"

วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 13:00:46 น.

Share




สัมภาษณ์พิเศษ




อาจกล่าวได้ว่า มีแต่ "ดร.คณิต ณ นคร" และคณะ เท่านั้น ที่ได้รับอาณัติให้เขียน "โรดแมป-ปรองดอง" 

ในฐานะอดีตอัยการสูงสุด "ดร. คณิต" บอกว่า กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง

ในฐานะหัวขบวนค้นคว้าความจริง "ดร.คณิต" สารภาพกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ยากที่สุด-เหนื่อยที่สุด ในชีวิต 

ทุกบรรทัดจากนี้ไป คือรายงานปากเปล่าจาก "ดร.คณิต" ถึงรัฐบาล...ถึง ผู้ก่อการร้าย...ถึงผู้น้ำม็อบ และถึงทุกคนที่ต้องการ สันติ-ปรองดอง 

- ขับเคลื่อน คอป.มาถึงวันนี้ เหนื่อยและยากไหมกับการค้นหาความจริง 

ยากที่สุดในชีวิตผม (เน้นเสียง) เพราะเรื่องมันยังไม่จบ เราไม่ใช่ทำในสิ่งที่จบไปแล้ว เช่น พฤษภาทมิฬ ที่เรื่องจบไปแล้ว มันถึงยากที่สุด คุณคิดว่าผมอยากทำ เหรอ ผมไม่อยากทำหรอก แต่ผมไม่รู้ จะหนีไปไหน ในเมื่อทุกคนพุ่งมาที่ผม เพราะผมพอเชื่อถือได้มั้ง ผมเลยต้องทำ 

- ภาพรวมในการหาความจริงสำเร็จไปกี่เปอร์เซ็นต์

มันไม่ใช่เหมือนการสร้างบ้าน เวลานี้เราเหมือนมุงหลังคาแล้ว ล่าสุดผมเพิ่มลงนามในหนังสือเพื่อส่งไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อัยการสูงสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้เขาส่งข้อมูลมาให้กับเรา เพราะรัฐบาลชุดนี้สนับสนุนให้ คอป.ได้ทำงานต่อ 

ที่ผ่านมาภาครัฐยังให้ความร่วมมือน้อย และเราไม่มีอำนาจในการเรียกข้อมูล รายงานที่เสนอต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เช่น การปล่อยตัวชั่วคราว ห้ามตีตรวนผู้ที่ถูกคุมขังในเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 แต่การตอบสนองกลับมาไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เพราะกระบวนการยุติธรรมของเรามีความเข้าใจกฎหมายคลาดเคลื่อน 

- ทำไมภาครัฐถึงไม่ให้ความร่วมมือ

ผมคิดว่าเขาคงกลัวมั้ง ความจริงถ้าภาครัฐร่วมมือก็อาจจะเสร็จไปแล้ว ผมไปพบปลัดกระทรวงกลาโหมคนก่อน ตอนนั้นท่านบอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกำลังรวบรวมข้อมูลแต่จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่ได้อะไร 

สิ่งที่เราอยากได้ เช่น แผนยุทธการของทหาร เพราะการเคลื่อนกำลังของทหารอยากจะไปไหนต้องมีแผน ถ้าเราได้แบบนั้นก็จะได้รู้ว่าใครรับผิดชอบตรงไหนบ้าง เพื่อจะได้ไปพบและขอความร่วมมือ แต่จนวันนี้ยังไม่ได้เลย 

- รัฐบาลยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ความสำคัญกับ คอป.มากน้อยแค่ไหน

เขาเขียนไว้ในนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ก็คิดว่าจะให้ความร่วมมือที่ดี ถ้าเราขอข้อมูลไปเขาก็สั่งมาหน่อยก็น่าจะได้ เราต้องอยู่ห่างจากการเมือง ถ้าผมเข้าไปใกล้การเมืองก็จะยุ่งอีก ความน่าเชื่อถือจะไม่มี 

- การค้นหาความจริงจะเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาล และอาจทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีส่วนได้ส่วนเสีย

ความจริงมันก็ต้องยอมรับว่ามันได้อะไร เพราะเราต้องทำงานเพื่อที่จะใช้ความจริงมาตีแผ่ให้เห็น จะได้เป็นบทเรียนไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ซึ่งรายงานของเราทำทั้ง 2 ภาษาไทย-อังกฤษ เพราะเราไม่อยากให้ไปแปลกันผิด ๆ ถูก ๆ ซึ่งเราจะออกรายงานฉบับที่ 2 ภายในเดือนนี้ ในรายงานจะมีข้อเสนอแนะไปให้รัฐบาลด้วย เหมือนที่เราเสนอตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วว่าให้มีการเลิกตีตรวน เรื่องประกันตัว แต่ก็ไม่ได้

- ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง ในมุมของ คอป.จำเป็นต้องปล่อยไปหรือไม่ 

การก่อการร้ายไม่ใช่ในแบบที่เราเข้าใจ แต่ก่อการร้ายมันเป็นความผิด ที่เขาลงโทษก่อนการกระทำ เช่น คุณตั้งสมาคมอั้งยี่เพื่อจะไปทำผิด เขาลงโทษแล้ว แต่โทษอย่างนี้จะน้อย แต่ของเราโทษถึงประหารชีวิตก็ไปกันใหญ่ แต่ถ้าเขาตั้งสมาคมอั้งยี่แล้วไปทำอะไรต่อ เช่น ฆ่า ไปเผา ก็ว่ากันไป 

นอกจากนี้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับก่อการร้ายของเราได้มาโดยไม่ถูกต้อง เพราะออกโดยพระราชกำหนด ไม่ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเหมือนปกติ กฎหมายอาญามีที่ไหน เร่งด่วนขนาดนี้ ก็ในสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกรัฐมนตรี) นั่นแหละเป็นคนทำ

- แสดงว่าสิ่งที่เรียกว่าชายชุดดำ หรือคำว่าก่อการร้าย กลายเป็นอุปสรรคในการปรองดอง

เรื่องนี้กระบวนการยุติธรรมเราไปตั้งคำว่า ก่อการร้าย เพราะเราไม่เข้าใจความผิดฐานก่อการร้ายดีพอ 

- คอป.ควรจะเสนอให้รัฐบาลรื้อระบบกระบวนการยุติธรรมใหม่หรือไม่

เรากำลังดูอยู่ โดยกระบวนการยุติธรรมของเราจะต้องมีการปฏิรูปหลาย ๆ ด้าน เรื่องหนึ่งที่เรากำลังทำอยู่คือ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 

- ฝƒายไหนในกระบวนการยุติธรรม ที่คิดว่าเป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง

ทั้งหมด ทั้งตำรวจ อัยการ และศาล เช่น อัยการ ซึ่งเป็นสำนักงานเก่าของผม ผมเคยเสนอไปว่า ความผิดที่เกิดการมั่วสุมกันเกิน 10 คนที่เป็นเรื่องของการชุมนุมมันอาจจะเกินเลยไปบ้าง ถ้าจะสั่งไม่ฟ้องให้หมดมันน่าจะดีนะ 

ใช้กฎหมายเถรตรงเกินไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์หรอก เพราะฉะนั้นในสถานการณ์อย่างนี้มันต้องมีความคิดกันบ้าง มีดุลพินิจในการไม่ฟ้องได้ เพราะเมื่อคุณใช้กฎหมายแล้วมันสร้างปัญหา คุณก็จะกลายเป็นปัญหาเสียเอง แต่ผมมองว่าที่เป็นปัญหาไม่ใช่กฎหมาย แต่คนเป็นปัญหา 

เราไม่สามารถที่จะไปบังคับรัฐบาลได้ ถ้ารัฐบาลเห็นว่าสิ่งที่เราเสนอไปนำไปสู่ความสันติเขาก็เอาไปปฏิบัติ แต่ถ้าผมเป็นอัยการสูงสุดผมจะไม่สั่งฟ้องเสียเลย การเป็นอัยการไม่ยากแต่เป็นอัยการที่ดีมันไม่ใช่ง่าย เพราะคุณต้องมีความคิดช่วยให้สังคมสงบ หากเป็นอัยการเช้าชามเย็นชามจะมีประโยชน์อะไร

- อัยการทำหน้าที่ตอบโจทย์แนวทาง ปรองดองมากน้อยขนาดไหน

ไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเท้าความให้เห็นว่า สมัยหนึ่งครั้งหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ฆ่ากันตายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกจับไปกว่า 2 พันคน อธิบดีกรมอัยการขณะนั้นสั่งไม่ฟ้องหมดเลย เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดี ต่อมาคนที่หลบหนีในป่าก็ออกมาช่วยชาติเห็นหรือเปล่า ถึงยุครัฐบาลของ พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ก็ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ผู้ทำผิดได้กลับเข้ามา พอถึงยุครัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็ออกคำสั่ง 66/23 ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง 

- กรณีที่กลุ่มเสื้อเหลืองบุกยึดสนามบิน และกรณีเสื้อแดงปิดแยกราชประสงค์ เผาเซ็นทรัลเวิลด์ อัยการควรไม่ฟ้อง 

ก็สั่งไม่ฟ้องได้ ฟ้องไปแล้วถอนฟ้องยังได้เลย เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน อัยการของเราเป็นคนที่จะช่วยให้เกิดความสงบได้เยอะ แต่ศาลเนี่ยยาก เมื่อส่งฟ้องไปแล้วก็ต้องตัดสิน จะให้เจ๊าเสมอกันไม่ได้ แต่อัยการได้ โดยเฉพาะตำรวจและอัยการจะต้องทำงานร่วมกัน รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย 

- ทำเช่นนี้จะพ้นจากข้อครหาว่าถูกแทรกแซงหรือไม่ 

แทรกแซงใคร ในเมื่อคุณมีดุลพินิจของคุณเองที่จะแก้ป้ญหาได้ แต่แน่นอนคุณก็ต้องรับผิดชอบ เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์คุณก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเราทำด้วยสุจริตก็ไม่ต้องไปกลัวอะไร สมัยที่ผมเป็นอัยการสูงสุด ผมไม่เคยกลัวนักการเมือง ผมก็ทำไปตามหน้าที่ เรื่องไหนเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ทำไป 

- นอกจากอัยการที่จะต้องปฏิรูปตัวเองแล้ว ยังมีองค์กรไหนที่ต้องปฏิรูปเพื่อความปรองดอง

ทุกองค์กรโดยเฉพาะทหาร ผมไปอ่านเจอในรัฐธรรมนูญเยอรมนีเขากำหนดให้มีผู้ตรวจการทหาร ไม่ใช่กรรมาธิการ มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขทหารได้ แต่หากทหารคนไหนทำออกนอกลู่นอกทางเขาปลดเลย 

- ทหารต้องปฏิรูปอย่างไรเพื่อให้เข้าสู่โหมดปรองดอง

ใครจะคาดคิดว่าหลังปี 2540 จะมีทหารมายึดอำนาจ แล้วคนยึดอำนาจตอนนี้อยู่ไหน ก็อยู่ในสภา เห็นไหมประหลาดนะ ทั้งที่คนยึดอำนาจต้องไม่สนับสนุนประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ก็เข้าสู่ประชาธิปไตยแล้ว นี่มันเป็นอะไรกัน ไม่เห็นมีใครพูดสักคน เรื่องแบบนี้เราต้องพูดเพื่อปราม โดยใช้ social sanction มาตรการทางสังคมกดดัน จะทำให้คนไม่ดีต้องม้วนเสื่อ 

- เวลานี้ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ ยังไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการเยียวยาได้

สิ่งที่ผมพยายามทำคือ ทำให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น การที่จะนำคนผิดขึ้นศาลทั้งหมดอาจเป็นเรื่องไม่ดี ความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นศาลหมดมันมีประโยชน์อะไร ควรเอาแต่เรื่องใหญ่ ๆ

- แสดงว่าควรเอาโรดแมปจากเหตุ การณ์หลัง 6 ตุลาคม 2519 มาปรับใช้เพื่อให้เกิดความปรองดองในยุคปัจจุบัน 

ผมเขียนไว้ในรายงาน แนะนำรัฐบาลผมเขียนไปโดยเชื่อว่าเขาไม่กล้าทำหรอก เพราะมันขี้กลัว คนที่อยู่ในสถานะเช่นนั้น เป็นอัยการสูงสุดเขาไม่ใช่ให้คุณ ไปเผยอหน้าอยู่ในสังคม แต่เขาต้องการให้มาแก้ไขปัญหาประเทศชาติ 

ผมเสนอให้สั่งไม่ฟ้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเหลือง แดง เขียว เพราะมันเป็นเรื่องของการชุมนุม อาจเกินเลยไปบ้างก็ไม่เป็นไร มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ถ้าไปฆ่าคนเราค่อย single out-เลือกเฉพาะบางคดีออกมา แต่เรื่องของม็อบมันต้องคิด และยิ่งสถานการณ์แบบนี้ต้องคิดให้มากเพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่อย่างงั้นจะไปแก้ปัญหาประเทศชาติได้อย่างไร อัยการประเทศอื่นมันแก้ปัญหา แต่ประเทศเรามันไม่ใช่ 

- หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง จำเป็นหรือไม่จะต้องออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 

ไม่จำเป็น เพราะเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องก็คือจบ การนิรโทษกรรมก็ไม่จำเป็น

- คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณจำเป็นต้องมีการนิรโทษกรรมหรือไม่

คดีของคุณทักษิณเป็นคดีการเมืองตรงไหน มันไม่ใช่การเมือง บังเอิญเป็นนักการเมือง จึงคนละเรื่องกัน นักการเมืองทำผิดไม่ได้เหรอ ก็ต้องทำผิดได้เหมือนนายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่นยังติดคุก อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศเกาหลีใต้ยังกระโดดหน้าผาตายเลย ของไทยมันอย่างหนาไม่ทำอะไร 

- แต่ พ.ต.ท.ทักษิณมักพูดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

ตรงไหนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลดำเนินคดีศาลก็พิพากษาแล้ว ไม่ได้รับความเป็นธรรมตรงไหน

- เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นชนวนเหตุหนึ่งของความขัดแย้งในสังคมไทย เราจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร 

บทความที่ผมเขียนเรื่อง "หักดิบกฎหมาย" เพราะการหักดิบกฎหมายเป็นที่มาของความไม่สงบ มันเกิดขึ้นในสมัยที่คุณทักษิณซุกหุ้นภาค 1 แล้ว จริง ๆ ผมวิเคราะห์ว่าคุณทักษิณแพ้คดี แต่มันเล่นแร่แปรธาตุจนชนะเห็นไหม เขาแพ้คดี 7 ต่อ 6 แต่ตุลาการ รัฐธรรมนูญไม่พิพากษา แล้วเอาคะแนนมารวมเป็น 8 ต่อ 7 อย่างนี้จะไม่เรียกว่าหักดิบได้อย่างไร นี่คือรากเหง้าของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น 

เวลานั้นแต่ละคนเชียร์คุณทักษิณ สุด ๆ คือคนในบ้านเมืองเราไม่ยึดหลัก แต่มันยึดคนคิดว่าคนนี้มันดี ผมจึงบอกว่าคนมันดีไม่ได้นานหรอก ตอนไม่มีอำนาจก็ดีหรอก แต่พอมีอำนาจเต็มที่ก็ออกลาย นี่คือสาเหตุที่เกิดการฆ่ากัน 

-หลังจากนี้โอกาสที่เราจะเห็นความ ปรองดองยังมีอยู่หรือไม่ 

ชีวิตมันต้องมีความหวัง เราหวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นแล้วนำไปสู่ความสงบในอนาคต แต่จะเมื่อไรไม่มีใครตอบได้หรอก มันจะอยู่กันอย่างนี้ได้อย่างไร 

-ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยทั้ง 14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19, พฤษภาทมิฬ ความขัดแย้งที่กลับมาปรองดองกันได้เพราะเขายอมกัน 

มันคนละอย่างนะ เหตุการณ์ 14 ตุลา, 6 ตุลา มันเป็นเรื่องของทหารกับประชาชน แต่คราวนี้เป็นเรื่องของประชาชนด้วยกัน

-ข้อเสนอ คอป.ต่อรัฐบาลเป็นโรดแมปความปรองดองที่เคยปฏิบัติสำเร็จมาแล้วในต่างชาติ เช่น แอฟริกา หรือรวันดา 

บริบททางสังคมไม่เหมือนกัน แต่ของไทยเราอยู่กันสงบมานานแล้ว แม้ว่าเราจะมีชนกลุ่มน้อยหลายเชื้อชาติหลายภาษาแต่เราไม่เคยสู้รบปรบมือกันนะ ผมยังมีความหวังว่าจะกลับไปแบบเดิมได้ คนไทยไม่ได้เป็นคนใจไม้ไส้ระกำเราเวลานี้นานาชาติได้ส่งนักวิชาการที่เคยทำเรื่องปรองดองสำเร็จในแอฟริกาใต้ และรวันดาเข้ามาช่วยเรา 

-บริบทบ้านเรามีวาทกรรมสองมาตรฐาน 

ผมไม่เห็นว่าสองมาตรฐานตรงไหน แต่การปฏิบัติที่ไม่มีมาตรฐานมันมี เช่น การตีตรวนมันมี การนำคนมาขังโดยไมˆมีเหตุ อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าสองมาตรฐาน ต้องเรียกว่าไม่มีมาตรฐาน 

-ประเทศไทยต้องปฏิรูปขนานใหญ่ถึงจะปรองดองได้

ทุกภาคส่วนช่วยกันก็จะดีขึ้น แต่คราวนี้ไม่ได้ใช้ระยะเวลาอันสั้น มันต้องใช้เวลา เพราะความขัดแย้งคราวนี้มันลงลึกมาก คณะผมไม่ได้รับผิดชอบ ต่อรัฐบาลนะ แต่ผมรับผิดชอบต่อ ประชาชน ยึดประชาชน เพราะเรารู้ว่าตอนตั้งคณะกรรมการใหม่ ๆ จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่เราไม่ได้ห่วง ถ้าเราทำงานแล้วประชาชนเชื่อถือเราก็ทำงานต่อ แต่ถ้าทำงานแล้วถูกมองว่าไม่ได้เรื่องเราก็หยุด ผมไม่ติดยึดอะไร 

-อีกนานแค่ไหนสังคมไทยจะได้เห็นความปรองดองเกิดขึ้น 

บางประเทศ 20 ปีนะมันต้องค่อย ๆ แก้ แต่มันอาจจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นก็ได้ใครจะไปรู้ แต่เวลานี้คำว่าปรองดองพูดกันเปรอะ ผมไม่ได้พูดเรื่องปรองดอง แต่ผมพูดว่าจะมีสันติภาพเกิดขึ้น เมื่อไรสันติจะกลับคืนมาสู่สังคมเรา คำว่าสันติมันสำคัญยิ่งกว่าปรองดอง

-นักการเมืองพูด-หากินกับเรื่องปรองดอง มันจะปรองดองได้จริงหรือ

ตอนช่วงหาเสียงเขาก็เอาผมไปหาเสียงด้วย ไม่รู้เขาคิดอย่างไร แต่ถ้าเขาบอกว่าต้องการสันติอย่างนี้มันน่าสนใจ เพราะผมคิดว่าปรองดองคือการสันติ คือไม่ได้มาเกี้ยะเซียะกัน 

-การเยียวยาที่จะเสนอต่อรัฐบาล

กำลังคิดกันอยู่เพื่อเสนอต่อรัฐบาล ที่กลุ่มคนเสื้อแดงบอกว่าต้องเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตรายละ 10 ล้าน มันเป็นคนละเรื่องกัน เพราะเราต้องการเยียวยาด้านจิตใจ เช่น ลูกเขาตาย เขาก็เดือดร้อน 

-กรณีที่ทหาร ตำรวจที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ หน่วยงานต้นสังกัดต้องเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต 

ก็อาจจะจำเป็น โดยเราจะใช้หลักวิชาการในการพิจารณา สมมติว่าการเยียวยาความเสียหายด้านจิตใจควรจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องดูกฎหมายของต่างประเทศประกอบไป เราไม่ได้มานั่งคิดว่าจะชดเชย 10 ล้าน 20 ล้านบาท

 

(ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 12-14กันยายน 2554)


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1315632852&grpid=01&catid=01&subcatid=0100