วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สมัครฟรี!! โครงการ "การพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทออย่างครบวงจร" ด้วย "การใช้เทคโนโลยีสะอาด (Cleaner Technology)"


จาก: annop <annop@thaitextile.org>
วันที่: 22 ธันวาคม 2553, 11:22
หัวเรื่อง: Fw: สมัครฟรี!! โครงการ “การพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทออย่างครบวงจร” ด้วย “การใช้เทคโนโลยีสะอาด (Cleaner Technology)”
ถึง: annop@thaitextile.org



เรียนเชิญเข้าร่วมโครงการ

การพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทออย่างครบวงจรด้วย

การใช้เทคโนโลยีสะอาด (Cleaner Technology)”

------------------------------------------

 (สมัครเข้าร่วมโครงการ...ฟรี!)

 

                การสร้างสรรค์มูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มสามารถอาศัยเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้า เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการลดโลกร้อนได้เป็นอย่างดี คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Product)

 

        "เทคโนโลยีสะอาด"  คือ จัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการผลิตให้เป็นที่ยอมรับในวงการค้าในโลกปัจจุบันด้วย ดังนั้นสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ จึงได้ดำเนินการกิจกรรม การใช้เทคโนโลยีสะอาด (Cleaner Technology) สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอขนาดกลาง ขนาดเล็ก เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตสินค้าฉลากสิ่งแวดล้อม เช่น ฉลากเขียว (Green Label) ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เป็นต้น

 

สิ่งที่บริษัทของท่านจะได้รับคือ:

1.    ผู้ประกอบการจะได้รับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง CT / Green Label / การปรับปรุงกระบวนการผลิต ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐาน Green Product

2.    ได้รับการตรวจประเมินและให้คำปรึกษาแนะนำในการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิต และการผลิตผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสะอาดเพื่อนำไปสู่ Green Product โดยผู้เชี่ยวชาญ

3.    โรงงานที่ได้รับเลือกเป็นโรงงานต้นแบบจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณการประยุกต์เทคโนโลยีสะอาด

 

download ใบสมัครได้ที่ www.thaitextile.org/temp/app0115.pdf

 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่: สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ

โทรศัพท์ 02-7135492-9 ต่อ 532  คุณจีรารัตน์, คุณปิยะนันท์,

e-mail: jeerarat@thaitextile.org, piyanan@thaitextile.org

โทรสาร 02-7135492-9 ต่อ 550

 



วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ฌาปนกิจหนัง Insects in the backyard นักวิชาการชี้เรทห้ามฉายอาจขัด รธน.


ให้มันได้งี้สิ ดังในต่างประเทศ แต่ไม่ให้ฉายในประเทศไทย เผาประชดเสียเลย วันหน้าค่อยเผาอย่างอื่น..

ฌาปนกิจหนัง Insects in the backyard นักวิชาการชี้เรทห้ามฉายอาจขัด รธน.
Mon, 2010-12-13 00:38 ที่มา ประชาไท
เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ มูลนิธิหนังไทย โครงการสถาบันหนังไทยของหอภาพยนตร์ (องค์กรมหาชน) สมาคมผู้กำกับแห่งประเทศไทย เครือข่ายคนดูหนังแห่งประเทศไทย บริษัท ป็อบพิกเจอร์ และนิตยสารไปโอสโคป ร่วมกันจัดงานเสวนาเชิงวิชาการ เรื่อง “พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ กับรัฐธรรมนูญไทย”เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 ณ โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา หอภาพยนตร์
ตามกำหนดเดิมผู้จัดงานจะฉายภาพยนตร์เรื่อง “Insects in the backyard” ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ถูกจัดว่าอยู่ในเรต “ห” หรือห้ามฉายในประเทศ ในกิจกรรมฉายหนังและเสวนาเรื่องกฎหมายภาพยนตร์กับรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนการจัดงานหนึ่งวัน กรมส่งเสริมวัฒนธรรมมีจดหมายถึงผู้จัดงานเสวนาว่า หากฉายภาพยนตร์ที่คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดีทัศน์มีคำสั่งไม่อนุญาต จะมีโทษปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
ทั้งนี้ Insects in the Backyard เป็นภาพยนตร์ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และมีประเด็นเกี่ยวกับเพศที่สาม ถูกคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์สั่งห้ามเผยแพร่เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา
ธัญญ์วารินเศร้า ฌาปนกิจศพ “Insects in the backyard”หนังที่เปรียบเหมือนลูก
จากจดหมายของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม รูปแบบกิจกรรมจึงปรับขึ้นใหม่ เริ่มต้นขึ้นด้วยงานฌาปนกิจภาพยนตร์เรื่อง“Insectsin the backyard” โดย นายทรงยศ สุขมากอนันต์ นายกสมาคมผู้กำกับไทย เป็นผู้นำวางดอกไม้จันทน์
ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้กำกับและนักแสดงนำ กล่าวไว้อาลัยเปรียบภาพยนตร์ดังกล่าวว่า “เหมือนลูกที่ใช้เวลาฟูมฟักมาถึง สองปีด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เมื่อคลอดออกมากลับต้องถูกกระทืบตายต่อหน้าต่อตา”ธัญญ์วารินกล่าวและฝาก ถึงกระทรวงวัฒนธรรมให้กลับไปทำความเข้าใจคำว่า “วัฒนธรรม” ใหม่ พร้อมยืนยันจะเดินหน้าทำหนังต่อไป
นอกจากนี้ ในงานนำภาพยนตร์มาฉายแทนสองเรื่อง เรื่องแรกเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวชวนเชื่อที่จัดทำโดยรัฐบาลสมัยนั้น และเรื่องที่สอง “ทองปาน” ภาพยนตร์ต้องห้ามที่มีเนื้อหากล่าวถึงเหตุการณ์หลัง 14 ตุลาคม 2516
นักวิชาการท้วง มีเรตห้ามฉาย อาจขัดรัฐธรรมนูญ
จากนั้น ในงานเสวนาเรื่องพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ สาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เราต้องพิจารณาว่าพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ.2551 ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากมีเรตห้ามฉายอันขัดกับสาระสำคัญของมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ซึ่งประกอบไปสองสิทธิที่ควบคู่กันเสมอ คือ สิทธิในการแสดงความคิดเห็นและสิทธิในการรับรู้ข่าวสาร ประชาชนมีสิทธิเลือกที่จะดูหรือไม่ซึ่งเป็นสิทธิในการรับรู้ข่าวสาร รัฐมีหน้าที่เพียงจำแนกแยกแยะว่าควรอยู่ในเรตใดเท่านั้นไม่มีสิทธิที่จะปิด กั้นประชาชน
ทั้งนี้ หากจะยอมรับให้มีเรตห้ามฉายได้ จะต้องพิจารณาว่าอะไรคือศีลธรรมอันดีของประชาชน และภาพยนตร์นั้นต้องบ่มเพาะศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ เนื่องจากภาพยนตร์ต่างจากสื่ออื่น โดยเป็นการสะท้อนมุมมองของคนสร้าง ไม่จำเป็นต้องพูดถึงข้อเท็จจริงเสมอไป รวมทั้งคนดูก็มีเสรีภาพสูงที่เลือกดูหรือไม่ดูหนังเรื่องใด
สาวตรีตั้งข้อสังเกตว่าเนื้อหาในพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ.2551มีความสับสนเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นกฎหมายที่สอดไส้คำสั่งห้ามฉายเอาไว้ในระบบการจัดเรตติ้ง และเรื่องนี้เป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องแก้
แนะ Insectsฟ้องศาลปกครองต่อหลังอุทธรณ์คำสั่ง
ด้านเจษฎา อนุจารี อุปนายกฝ่ายนโยบายและแผนงานสภาทนายความ กล่าวว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงประชาชนต้องสามารถกำหนดเจตนารมณ์ที่แท้จริงของตนได้ ไม่ใช่เพียงมีรัฐธรรมนูญเท่านั้น เพราะเผด็จการก็มีรัฐธรรมนูญได้เช่นเดียวกัน
เขากล่าวว่า กรณีภาพยนตร์เรื่อง Insects in the backyardหากผู้จัดเห็นว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่อันไม่ชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องเดินหน้าฟ้องร้องศาลปกครองต่อไปหลังการอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าหน้าที่
นักกฎหมายจากสภาทนายความเห็นว่า สิ่งที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับพ.ร.บ.ฉบับนี้คือ ตัวคณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่รัฐเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ต่างจากหลายประเทศที่คณะกรรรมการจะเป็นผู้ที่ประกอบวิชาชีพนั้นๆ นอกจากนี้ยังมีปัญหาว่า คำว่าศีลธรรมที่กำหนดไว้ในกฎหมายมีความหมายว่าอะไร ทั้งนี้ศีลธรรมของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน
นายเจษฎาได้กล่าวถึงกรณีที่คนเก็บขยะถูกจับเนื่องจากเอาซีดีที่ตนเอง เก็บได้ไปขายและ กรณีที่พ่อเอาซีดีเก่าของลูกไปขายจนถูกจับเช่นกัน ว่าเกิดจากการที่ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์  พ.ศ. 2551 ได้ทำให้การละเมิดลิขสิทธิ์กลายเป็นความผิดต่อแผ่นดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ฝ่าฝืนได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้องเรียน นอกจากนี้ยังมีโทษจำคุกซึ่งเป็นโทษทางอาญาด้วย ในขณะที่เดิมเป็นเพียงความผิดต่อเอกชนเท่านั้น ทั้งนี้กฎหมายมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่กลับเป็นการสร้างความไม่เป็นธรรมในสังคมให้สูงขึ้น
นายเจษฎากล่าวว่า แม้พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ.2551 จะเป็นกฎหมายที่ออกในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งว่ากันว่า แต่ละฉบับใช้เวลาพิจารณาในสภาไม่เกิน 5 นาที แต่เขาก็เห็นด้วยกับการจัดเรตติ้งห้ามฉายตามกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากหากมีกรณีที่รุนแรงมากๆ แล้วรัฐควรมีสิทธิที่จะเซ็นเซอร์ก่อนที่หนังนั้นจะฉายออกไป เพราะหากปล่อยให้หนังฉายออกไปแล้วอาจก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องใช้เวลานานกว่าที่จะระงับความเสียหายนั้นได้
รัฐต้องทบทวน ยิ่งปิดคนยิ่งอยากรู้
ด้านสุภิญญา กลางณรงค์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า สิทธิในการแสดงความคิดเห็นนั้นเกี่ยวข้องกับความกินดีอยู่ดีของประชาชน เพราะหากผู้คนไม่มีปากมีเสียงแล้วก็ไม่อาจเรียกร้องความเป็นอยู่ที่ดีของตน เองได้ นี้เป็นเหตุผลที่หนังเล็กๆ เรื่องหนึ่งที่ถูกแบนจะต้องออกมาเรียกร้องสิทธิในการแสดงความคิดเห็น โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า สิทธิในการแสดงความคิดเห็นในประเทศไทย นั้นดีในระดับหนึ่งเมื่อพิจารณาจากทั้ง สื่อภาพยนตร์ วิทยุ โทรทัศน์ และสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นสื่อที่มีเสรีมากที่สุด และรัฐมีวิธีเลือกปิด ซึ่งอาจกระทบต่อคนส่วนน้อย คนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ได้รับผลกระทบจึงไม่รับรู้ แต่การเลือกปิดก็สร้างความเกรงกลัวให้ขยายออกไป ทั้งนี้การปิดกั้นนั้นภาครัฐต้องพิจารณาให้ดีว่า ผลลัพธ์ที่ได้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่อยากจะปิดหูปิดตาประชาชนหรือไม่ เพราะยิ่งปิดยิ่งทำให้คนอยากรู้
สุภิญญาเห็นว่า การที่รัฐจะต้องควบคุมสื่อภาพยนตร์เป็นพิเศษก็เพราะว่าภาพยนตร์นั้นเป็นสื่อ ที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับที่มูลนิธิหนังไทยกล่าวไว้ว่า “ภาพยนตร์ยังให้เกิดปัญญา” เพราะเป็นสื่อที่รวมให้คนมาอยู่ในที่เดียวกัน สามารถดึงสมาธิของคนดูได้ดี และภาพยนตร์เรื่องหนึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจและอาจเปลี่ยนชีวิตของบางคนไป ได้โดยสิ้นเชิง
ทางออกของพ.ร.บ.ภาพยนตร์?
สาวตรี สุขศรี กล่าวถึงทางออกของพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ. 2551ว่า ควรยกเลิกเรตห้ามฉาย แต่ถ้ายังมีเรตห้ามฉายอยู่ต้องมีการนิยามความหมายของคำว่าศีลธรรมอันดีให้ ชัดเจน เนื่องจากเป็นการจำกัดสิทธิตามกฎหมาย
ด้านสุภิญญาเห็นเช่นกันว่า พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ. 2551 ต้องเน้นใช้ระบบแบบเรตติ้งจริงๆ ไม่มีการสอดไส้ รวมทั้งการพิจารณาเรตติ้งนั้นต้องดำเนินการโดยคณะกรรมการที่เป็นอิสระ และมีคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ร่วมอยู่ในคณะกรรมการนั้นด้วย
ด้านเจษฎาแนะว่าการแก้ไขกฎหมายสามารถทำได้โดยประชาชนร่วมกันลงชื่อ หนึ่งหมื่นคนขึ้นไป และหากกฎหมายลูกฉบับใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ก็สามารถยื่นฟ้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมา การแก้กฎหมายกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นการแก้ให้ตนมีอำนาจมากขึ้นและยิ่งผลักภาระไปให้ประชาชน
ที่มา: http://ilaw.or.th/node/636
Horriblethailand: อย่างไรก็ตาม ขอให้กำลังผู้กำกับรุ่นใหม่ๆ ที่อยากท้าท้ายกรอบคิด โดยเฉพาะกรอบมือถือสากปากถือศีล สักวันมันจะเป็นวันของเรา ..

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ขอเชิญร่วมเสวนา การเมือง : หลังอภิสิทธิ์ 1 อา 19 ธ.ค. 53 เวลา 13.30 น. ณ ห้อง 500 ชั้น 5 คณะพาณิชย์ฯ ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์


จาก: Kitsunee Ruj <kitsunee_tai@yahoo.com>
วันที่: 14 ธันวาคม 2553, 16:19
หัวเรื่อง: ขอเชิญร่วมเสวนา การเมือง : หลังอภิสิทธิ์ 1 อา 19 ธ.ค. 53 เวลา 13.30 น.
ถึง:


เรียน  กัลยาณมิตร สื่อมวลชน ทุกท่าน

มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์

ขอเชิญร่วมเสวนา (ฟรี)

และขอความอนุเคราะห์ประชาสัมพันธ์ ด้วย

ขอบพระคุณค่ะ



เสวนาสาธารณะ เชิญร่วมการเสวนา

"การเมืองสยามประเทศไทย: หลังอภิสิทธิ์ 1

วันอาทิตย์ 19 ธันวาคม 2553

14.00 17.00 น.

ณ ห้อง 500 ชั้น 5 คณะพาณิชย์ฯ  ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

 

 

13.30            ลงทะเบียน

14.00            เปิดงาน และฉาย VCD

14.15            เสวนา "การเมืองสยามประเทศไทย : หลังอภิสิทธิ์ 1"

                             พนัส              ทัศนียานนท์

                             อนุสรณ์          ธรรมใจ

                             ชาญวิทย์        เกษตรศิริ

                             ศรีประภา        เพชรมีศรี

                             ลักขณา          ปันวิชัย   (คำผกา)

                             พิภพ              อุดร              ดำเนินรายการ

                             อัครพงษ์         ค่ำคูณ            พิธีกร

16.15            ซักถาม อภิปราย

17.00            ปิดงาน

 

 

หมายเหตุ   ไม่มีค่าลงทะเบียน  (ฟรี)  ร่วมจัดโดยมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์และหลักสูตรควบ 5 ปี ตรี-โท คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ.  ร่วมกับวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มธ.

 





Kitsunee Rujichanuntakul
The Foundation for the Promotion of
Social Sciences and Humanlties Textbook Foundation
413/38 Arun-Amarin Road, Bangkok Noi, Bangkok 10700, SIAM/THAILAND
Tel. 02-424-5768 , 02-433-8713 Fax. 02-433-8713
e-mail : kitsunee_tai@yahoo.com
www.textbooksproject.com
 




วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

River of Raptors : Black Baza

24 October 2010 at Khao Dinsor, Chumphon, southern Thailand during Thai Raptor Group's Raptor ID Course 2010.
View from the Eagle Cliff and the kettle was over the Gulf of Thailand east of the cliff.

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553 เวลา 11.00 - 12.00 น. ณ เวที Hall A ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

  สำนัก พิมพ์บิสซี่เดย์ ขอเชิญร่วมงานเสวนา “ปลุกยักษ์ ปลุกพลังความเชื่อ เพื่อความสำเร็จ” โดยสุดยอดโค้ชและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจชื่อดัง โค้ชสิริลักษณ์ ตันสิริ เจ้าของผลงานหนังสือสุดฮอตอย่าง ปลุกยักษ์ตอนที่ 1 ปลุกพลังในตัวคุณ ที่นำเสนอ 12 กระบวนยุทธ์ มาช่วยปลุกพลังนำคุณไปสู่ความสำเร็จ และ คุณนิกร บรรเจิดเลิศ กูรูสปาและที่ปรึกษาสปาระดับโลก ผู้ศรัทธาในความเชื่อ และเป็นผู้นำศาสตร์แห่งพลังบำบัด (Reiki) มาใช้รักษาคนมากมาย และล่าสุดกับผลงานหนังสือ เชื่ออย่างไร ได้อย่างนั้น หนังสือที่จะมาเปลี่ยนพลังแห่งความเชื่อของคุณให้เป็นพลังในทางบวก แล้วความเชื่อของคุณจะกลายเป็นจริง ในวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553 เวลา 11.00 – 12.00 น. ณ เวที Hall A งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 15 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553 ณ อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ ถ.พระราม 3 เวลา 13.00-16.30 น.

          วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553 ณ อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ ถ.พระราม 3
           เวลา 13.00-16.30 น. การสัมมนา ในหัวข้อ “เคล็ดลับอายุยืนด้วยวิถีธรรมชาติ/โยคะหลับสบาย” โดย พญ.จินตนา มโนรมย์ภัทรสาร ร่วมกับมูลนิธิหมอชาวบ้าน ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลภูมิพล ผู้เข้าสัมมนาจะได้เรียนรู้ถึงวิถีธรรมชาติอย่างง่ายๆใกล้ตัวชะลอวัย และเคล็ดลับหลับสบายด้วยท่าโยคะที่ทุกคนฝึกได้จะถูกเปิดเผยในงานนี้ 

          โดยกิจกรรมสัมมนาหัวข้อที่น่าสนใจ เป็นอภินันทนาการความรู้สู่ประชาชน ฟรี ผู้สนใจติดต่อสำรองที่นั่งด่วน! (จำนวนจำกัด) ที่ Supalai Smart Center โทร.02-725-8899 Email : supalaifanclub@gmail.com หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.supalai.com



วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สัมมนาฟรี วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคมนี้ ในหัวข้อ "Technical Analysis made Easy"





จาก: Chart Master Information <info@technicalday.com>
วันที่: 17 ตุลาคม 2553, 21:17
หัวเรื่อง: สัมมนาฟรี วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคมนี้ ในหัวข้อ "Technical Analysis made Easy"
ถึง: info@technicalday.com


เรียน       นักลงทุนและผู้สนใจ

 

                บริษัท ชาร์ตมาสเตอร์ จำกัด มีความยินดีขอเรียนเชิญท่านเข้าร่วมงานสัมมนาฟรี ในหัวข้อ “Technical Analysis made Easy” ในวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม 2553 เวลา 9.00 – 12.00 น. ณ ห้องสัมมนาชั้น 8 อาคารเอเชีย เซ็นเตอร์ ถนนสาทรใต้ (ใกล้สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี)

                ภายในงานสัมมนานี้ ท่านจะได้รับฟังแนวคิดด้านการลงทุน ผ่านมุมมองทางด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค ผ่านมุมของ อาจารย์ธิติ ธาราสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Full time Trader ผู้ก่อตั้ง เว็บไซต์ Technicalday.com ผู้บุกเบิกแนวทางการเทรดสาย Art (ไม่ใช้อินดิเคเตอร์) ผู้คิดค้นทฤษฎี 2 เท่า และตาชั่งแห่งความมั่งคั่ง โดยในงานสัมมนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรรับเชิญ คุณดำรงชัย แท่นศรีเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค และ ฮวงจุ้ย ที่จะมาร่วมบรรยายและแชร์แนวคิด ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค

                สำรองที่นั่งด่วน จำนวนจำกัด โดยส่ง SMS หรือ Email แจ้งชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล์ มาที่ 084 465 4658 หรือ info@technicalday.com

 

                ขอแสดงความนับถือ

 

Link: http://www.chart-master.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539030877&Ntype=1

               

 

 

Chart Master Co Ltd.

Tel: 02 955 1700

M : 084 465 4658

E  : info@technicalday.com

 

www.technicalday.com

www.chart-master.com

 

Learn from the Best to become Professional

 

 


วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ระหว่างเวลา 13.00-16.30 น. ณ. ห้อง Meeting room1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ขอเชิญเข้าร่วมฟังเสนาเรื่อง “มองอนาคตประเทศไทย จากมุมมองอนาคตศึกษา”

เนื่องในโอกาสที่มูลนิธิศูนย์สื่อเพื่อการพัฒนาได้จัดพิมพ์ หนังสือเรื่อง “หยั่งรู้อนาคต: หลักการทฤษฎี และเทคนิควิธี อนาคตศึกษา” เขียนโดย อาจารย์ อนุช อาภาภิรม และทำการเปิดตัวและแนะนำหนังสือในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 15 จึงจะจัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ “มองอนาคตประเทศไทย จากมุมมองอนาคตศึกษา”

เพื่อเป็นการเผยแพร่ ทฤษฎี และเทคนิควิธีด้านอนาคตศึกษาให้แก่องค์กร ทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชน และสำหรับประชาชนทั่วไป ให้ได้นำไปใช้ในการวางแผนในการพัฒนาองค์กร ชุมชน สังคมและประเทศ ซึ่งเรื่องอนาคตศึกษานี้กำลังได้รับความสนใจจากนานาประเทศ ซึ่งเป็นเทคนิควิธีที่ช่วยในการคาดการณ์อนาคต เพื่อเราจะได้รู้ทิศทางการดำเนินไปของสังคมและประเทศ


ทางมูลนิธิศูนย์สื่อเพื่อการพัฒนา ขอเรียนเชิญท่านเข้าร่วมฟังเสวนาดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โดยจะจัดเสวนาในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ระหว่างเวลา 13.00-16.30 น.
ณ. ห้อง Meeting room1

ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 15 หากท่าใดสนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ที่

โทร. 02-6170832




วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ณ ห้องประชุมศศนิเวศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thai Netizen Network) ขอเชิญผู้สนใจร่วมงาน

การอ่านแถลงการณ์โดยคณะกรรมการเครือข่ายพลเมืองเน็ต เรื่อง เรียกร้องให้มีการแก้ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 15 อย่างเร่งด่วน

และ

แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ "คู่มือสื่อพลเมือง"

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ณ ห้องประชุมศศนิเวศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

12.30 น. ลงทะเบียน
13.00 น. คณะกรรมการเครือข่ายพลเมืองเน็ตอ่านแถลงการณ์เรื่อง เรียกร้องให้มีการแก้ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 15 อย่างเร่งด่วน
13.30 น. คณะกรรมการเครือข่ายพลเมืองเน็ตตอบคำถามสื่อมวลชนและผู้เข้าฟัง
14.00 น. แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ "คู่มือสื่อพลเมือง" โดย สฤณี อาชวานันทกุล (@Fringer)
14.45 น. เสวนา “จาก 7 ตุลาฯ ถึง 10 พฤษภาฯ กับบทบาทสื่อพลเมือง”

  • นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ (@noppatjak) ผู้สื่อข่าวภาคสนาม เนชั่นแชนแนล
  • ทีปกร วุฒิพิทยามงคล (แชมป์ exteen, @tpagon) ผู้ก่อตั้งและเว็บมาสเตอร์ exteen.com
  • ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย (@Note_Yurachat) คอลัมนิสต์ ASTV-Manager Online
  • สุนทร พฤกษพิพัฒน์ บรรณาธิการ เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ thaifreenews.org

ดำเนินรายการโดย ทวีพร คุ้มเมธา เครือข่ายพลเมืองเน็ต

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ผ่านแบบฟอร์มข้างล่างนี้ มีที่นั่งจำกัดเพียง 50 ที่เท่านั้น

สอบถามเพิ่มเติม thaweeporn@thainetizen.org 089-829-1167 (ทวีพร)

ดาวน์โหลด "คู่มือสื่อพลเมืองเน็ต" ในรูปแบบ .pdf

http://thainetizen.org/cj-handbook-opening



--

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2553 เวลา 10.30 - 18.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

กำหนดการกิจกรรม
“งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2553”
วันอาทิตย์ที่  17 ตุลาคม 2553  เวลา 10.30 – 18.00 น.
ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2  อิมแพ็ค  เมืองทองธานี

10.00 - 12.00 น.

การฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น

  • การเพ้นท์กระเป๋าผ้า
  • กล่องหนังใส่ทิชชู่
  • ปักกระเป๋าผ้าดิบด้วยเข็มฉีดยา
  • ดอกไม้ดินญี่ปุ่น - ดินไทย
  • ร้อยสร้อยคอหินสี
13.00 - 15.00 น.

ปาฐกถาพิเศษ “นวัตกรรม อมตะ” (ณ ห้องจูปิเตอร์ 4 – 7)
ลงทะเบียนเข้าร่วมฟัง ปาฐกถาพิเศษ “นวัตกรรม อมตะ”

กล่าวต้อนรับโดย
ดร.พรชัย  รุจิประภา  ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ปาฐกถาพิเศษ “นวัตกรรม อมตะ”  โดย
นายวิกรม กรมดิษฐ์       ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 
บริษัท อมตะคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)

13.00 - 17.00 น.

การฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น

  • การเพ้นท์กระเป๋าผ้า
  • กล่องหนังใส่ทิชชู่
  • ปักกระเป๋าผ้าดิบด้วยเข็มฉีดยา
  • ดอกไม้ดินญี่ปุ่น-ดินไทย
  • ร้อยสร้อยคอหินสี

กิจกรรมเวทีกลาง
การประดิษฐ์สิ่งของจากสิ่งเหลือใช้ โดย คุณน้ำผึ้ง ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์

 





วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา13.00-16.00 น. ห้อง meeting room1 ณ. ศูนประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 15

ขอเชิญ เข้าร่วมสัมมนาฟรี เรื่อง"มองอนาคตประเทศไทย จากมุมมองอนาคตศึกษา"

มูลนิธิศูนย์สื่อเพื่อการพัฒนา

ขอเชิญเข้าร่วมการเสนา "มองอนาคตประเทศไทยจากมุมมองอนาคตศึกษา" โดย อาจารย์ อนุช อาภาภิรม

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา13.00-16.00 น.

ห้อง meeting room1 ณ. ศูนประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 15

พร้อมเปิดตัวหนังสือ "หยั่งรู้อนาคต : หลักการทฤษฎีและเทคนิคอนาคตศึกษา" เขียนโดย อาจารย์ อนุช อาภาภิรมย์

สำรองที่นั่ง โทร 02-279-0552 โทรสาร 02-6170834

ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

 

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00 - 15.00 น. ชุมชนป้อมมหากาฬ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ พระนคร กรุงเทพฯ

Peter Sri มีเฌอเ็็ป็นลูกรัก ชุมชน ป้อมมหากาฬเป็นชุมชนโบราณเล็กๆ ตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 3 อยู่หลังกำแพงป้อมมหากาฬ มุมถนนราชดำเนิน เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ปัจจุบันเป็นอีกชุมชนหนึ่งที่กำลังเผชิญกับการไล่รื้อจากทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อนำพื้นที่ไปจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์

ชาวบ้านได้คัดค้า...นการรื้อย้ายชุมชนออกไปและได้เสนอทางออกที่จะ ประนีประนอมกับทางกรุงเทพมหานคร โดยเสนอขอใช้พื้นที่ร่วมกับโครงการ (Land sharing) เป็นจำนวน 1 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 4 ไร่เศษ เพื่อใช้พักอาศัย โดยที่ชาวบ้านได้เสนอว่าจะอนุรักษ์รักษาบ้านเรือนโบราณที่มีคุณค่าภายในพื้นที่ ตลอดจนรักษาวิถีชีวิตชุมชนไปพร้อมๆกับการเข้าไปดูแลรักษาสวนสาธารณะที่ทางกรุงเทพมหานครจะจัดสร้างขึ้นด้วย

แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้รับการตอบสนอง นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังได้อ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่สามารถจะสั่งการให้คนที่อยู่บริเวณนั้นย้ายออกไปได้ตามกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเจรจาต่อรองกับชาวบ้านเพราะกรุงเทพมหานครมีสถานะอำนาจเหนือกว่า ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับกับชาวบ้านที่อยู่อาศัยในป้อมมหากาฬเป็นปัญหาความขัดแย้งที่บานปลายจนไม่สามารถที่จะตกลงกันได้

ย้อนอดีตกลับไป ชุมชนป้อมมหากาฬชานพระนครแห่งนี้เป็นแหล่งถิ่นฐานงานศิลป์ที่สำคัญ เช่น เป็นต้นกำเนิดคณะลิเกชื่อดังของพระยาเพ็ชรปาณี ซึ่งถือเป็นคณะลิเกยุคแรกๆ ของพระนคร โดยปลูกเพิงเปิดวิก เก็บค่าดูครั้งละ ๕ สตางค์ เป็นถิ่นของช่างทำเครื่องดนตรีไทยที่มีฝีมือมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 แม้ว่างานฝีมือเก่าแก่บางอย่างอาจขาดความต่อเนื่อง หรือต้องเลิกราไป แต่ชุมชนป้อมมหากาฬก็ไม่เคยขาดแคลนงานหัตถกรรมฝีมือชั้นครู

ไม่ ว่าจะเป็น กรงนกเขาและกรงนกปรอดหัวจุก ประดิษฐ์ด้วยฝีมือประณีต จากวัสดุธรรมชาติจำพวกไม้ไผ่ ไม้สัก และหวาย ช่างเครื่องปั้นดินเผา สร้างสรรค์เป็นรูปฤๅษีดัดตน ฤๅษีเดินดง เศียรพ่อแก่ ส่งขายตามวัดต่างๆ มีบ้านไม้โบราณของลุงโอ่ง หมอนวดแผนโบราณฝีมือเยี่ยม กระทั่งกระเพาะปลาเลิศรสที่ใครก็ต้องถามหา ฯลฯ

และเพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและสิทธิชุมชน จึงเกิดเป็นกระบวนการต่อสู้และเรียกร้องของชาวชุมชนป้อมมหากาฬด้วยการพร้อมใจที่จะพัฒนาเป็นชุมชนตัวอย่างที่อยู่คู่สวนสาธารณะ พัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว จำหน่ายสินค้าชุมชน มีการแสดงศิลปวัฒนธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาที่เน้นการเป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งของชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยการเปิดตลาดนัดชุมชนจำหน่ายสินค้าศิลปหัตถกรรม อาหาร และบริการ เช่น กรงนกปรอดหัวจุก เศียรพ่อแก่ นวดแผนไทย ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากฝีมือกลุ่มแม่บ้าน กระเพาะปลาเลื่องชื่อ ผัดไทยห่อไข่ใบบัว กล้วยเชื่อม สาคูไส้หมู น้ำแข็งไส กาแฟโบราณ ฯลฯ ตั้งแต่สายๆ จนถึงบ่ายคล้อยของทุกวันเสาร์ (อย่าไปหลังบ่ายสามนะตลาดวายแล้ว เหลือแต่วงหมากรุก)

แม้ว่าสภาพปัจจุบันภายในชุมชนป้อมมหากาฬอาจดูไม่ค่อยเป็นระเบียบเรียบร้อยเท่าใดนัก หากแต่ชุมชนชานกำแพงพระนครแห่งนี้ก็ถือเป็นรากเหง้าหนึ่งที่มีตำนานเล่าขานถึงประวัติความเป็นมาอันยาวนาน อีกทั้งบ้านโบราณแต่ละหลังในชุมชนที่มีอายุนับร้อยปี ก็ถือเป็นงานสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ชานกำแพงพระนครซึ่งเหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้าย เพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต และเท่ากับเป็นการรักษาวิถีชีวิตชุมชนป้อมมหากาฬที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป

วัน เวลา สถานที่
ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00 – 15.00 น.
ชุมชนป้อมมหากาฬ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ พระนคร กรุงเทพฯ

ข้อมูลบางส่วนเรียบเรียงจาก ชุมชนป้อมมหากาฬ "อดีต" ที่กำลังจะไร้อนาคต เรื่องโดย ปราณี กล่ำส้ม
http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=51